(https://i.postimg.cc/QxS1nN9B/shutterstock-2316102131.jpg)
เมื่อพูดถึงเรื่องวางแผนมีลูก หลายคนมักนึกถึงการตรวจภายในของฝ่ายหญิงก่อนเสมอ แต่จริง ๆ แล้วผู้ชายก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน เพราะแม้อสุจิจะเล็กแค่ไหน แต่คุณภาพของมันคือกุญแจหลักที่บอกว่าการตั้งครรภ์จะง่ายหรือยาก
สำหรับผู้ชายหลายคนการตรวจสเปิร์ม (https://www.v-ivf.com/th/2022/05/คุณภาพน้ำเชื้ออสุจิ-ควร/)อาจฟังดูน่าอายหรือไกลตัว แต่ความจริงแล้วมันคือวิธีเช็กสุขภาพเบื้องต้นที่สำคัญมาก ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งแก้ไขได้ไว ก่อนจะใช้เวลาและค่าใช้จ่ายกับการรักษามีบุตรยากโดยไม่รู้ต้นเหตุที่แท้จริง
การตรวจสเปิร์มคืออะไร?
พูดให้เข้าใจง่าย ๆ การตรวจสเปิร์มคือการวิเคราะห์น้ำเชื้อของผู้ชาย เพื่อดูว่าอสุจิมีปริมาณเท่าไหร่ เคลื่อนไหวได้ดีแค่ไหน และมีรูปร่างสมบูรณ์หรือไม่ การตรวจนี้ไม่ซับซ้อน แต่ให้ข้อมูลชัดว่าฝ่ายชายมีปัญหาอะไรที่อาจขัดขวางการปฏิสนธิหรือเปล่า
บางคนอาจดูแข็งแรง ออกกำลังกายตลอด แต่ภายในอาจมีปัจจัยที่กระทบคุณภาพอสุจิโดยไม่รู้ตัว เช่น ฮอร์โมน ความเครียด การสูบบุหรี่ หรือการดื่มแอลกอฮอล์หนักเกินไป
ใครบ้างที่ควรตรวจสเปิร์ม?
แม้ผู้ชายทุกคนจะสามารถตรวจได้ แต่กลุ่มที่ควรเริ่มตรวจมีอยู่ประมาณนี้
1.คู่รักที่พยายามมีลูกตามธรรมชาติมากกว่า 6–12 เดือนแล้วไม่สำเร็จ
2.ผู้ชายที่มีประวัติเคยผ่าตัดหรือบาดเจ็บที่อวัยวะเพศหรืออัณฑะ
3.คนที่เคยมีการติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น ต่อมลูกหมากอักเสบ
4.ผู้ชายที่เคยตรวจร่างกายทั่วไปแล้วพบว่าฮอร์โมนเพศชายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
5.ใครก็ตามที่อยากวางแผนมีลูกอย่างจริงจัง และอยากเช็กความพร้อมล่วงหน้า
หลายคู่รักคิดว่าฝ่ายหญิงต้องแบกรับทุกขั้นตอน แต่จริง ๆ แล้วเมื่อฝ่ายชายเริ่มตรวจตั้งแต่แรกจะช่วยให้การหาสาเหตุและแนวทางแก้ไขง่ายขึ้นมาก
ขั้นตอนการตรวจสเปิร์มทำยังไง?
หลายคนอาจเครียดหรืออายกับคำว่าตรวจสเปิร์ม แต่ในความจริงกระบวนการนี้ไม่ได้ยุ่งยากและใช้เวลาสั้นกว่าที่คิด
1. งดการหลั่งอย่างน้อย 2–7 วัน
ก่อนตรวจควรงดการมีเพศสัมพันธ์หรืองดช่วยตัวเอง เพื่อให้ผลตรวจแม่นยำที่สุด ช่วงเวลาที่แนะนำมากที่สุดคือประมาณ 3 วัน
2. งดดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ชั่วคราว
เพื่อให้คุณภาพอสุจิดีที่สุด แพทย์มักแนะนำให้งดปัจจัยที่อาจรบกวนการสร้างอสุจิชั่วคราว
3. เตรียมสะอาด
ก่อนเก็บตัวอย่างควรล้างมือและอวัยวะเพศให้สะอาด เพื่อป้องกันสิ่งปนเปื้อน
4. เก็บตัวอย่างในที่ปลอดเชื้อ
โดยทั่วไปโรงพยาบาลหรือคลินิกจะจัดห้องส่วนตัวให้ เก็บด้วยการช่วยตัวเองใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ไม่ควรใช้วิธีมีเพศสัมพันธ์แล้วดึงออก เพราะอาจเก็บได้ไม่ครบ
5. ส่งตรวจทันที
หลังเก็บตัวอย่าง ควรส่งตรวจภายใน 30–60 นาที เพื่อให้ค่าเคลื่อนไหวของอสุจิใกล้เคียงสภาพจริงที่สุด
เมื่อได้ผลตรวจ สเปิร์มจะถูกประเมินตามเกณฑ์มาตรฐาน เช่น จำนวนอสุจิต่อมิลลิลิตร อัตราการเคลื่อนไหว และรูปร่างที่ปกติ หากพบว่าค่าต่ำกว่ามาตรฐาน แพทย์จะช่วยวางแผนให้ว่าควรปรับพฤติกรรม รับวิตามิน หรือใช้เทคนิคช่วยเจริญพันธุ์อื่น ๆ
สิ่งสำคัญคืออย่าเครียดหรือกดดันตัวเองเกินไป เพราะคุณภาพอสุจิสามารถปรับดีขึ้นได้ หากรู้สาเหตุและให้เวลาร่างกายฟื้นฟู
คู่รักคู่ไหนที่เริ่มคิดจะมีลูก อยากให้ลองมองว่าการตรวจสเปิร์มไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นการใส่ใจคนที่คุณรัก เพราะเมื่อรู้ว่าทั้งสองฝ่ายพร้อมจริง โอกาสมีลูกก็จะง่ายขึ้น ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาวอีกด้วย