แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 51
1
ข้อเสียของผ้ากันไฟ

แม้ว่าผ้ากันไฟจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อเสียบางประการที่ควรพิจารณา ดังนี้ค่ะ

1. ราคา
ผ้ากันไฟบางชนิด เช่น ผ้าเคฟลาร์ หรือผ้าซิลิกา มีราคาสูง ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้ที่มีงบประมาณจำกัด
ผ้ากันไฟที่มีคุณภาพดีและทนทาน มักมีราคาสูงกว่าผ้ากันไฟทั่วไป

2. น้ำหนักและความหนา
ผ้ากันไฟบางชนิดมีน้ำหนักมากและหนา ทำให้ไม่สะดวกในการสวมใส่หรือใช้งานในบางสถานการณ์
ผ้ากันไฟที่หนาเกินไปอาจทำให้เกิดความไม่สะดวกและอันตรายแก่ผู้ใช้งานเมื่อต้องนำผ้ากันไฟขึ้นไปทำงานบนที่สูง

3. การระบายอากาศ
ผ้ากันไฟบางชนิดอาจมีการระบายอากาศที่ไม่ดี ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกร้อนหรือไม่สบายเมื่อสวมใส่เป็นเวลานาน
การระบายอากาศที่ไม่ดีอาจทำให้เกิดการสะสมของเหงื่อและความชื้น ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง

4. การเสื่อมสภาพ
หากถูกใช้งานไม่ถูกวิธี เช่น ถูกใช้งานในอุณหภูมิที่สูงเกินไป หรือติดต่อกับสารเคมีที่รุนแรง อาจทำให้คุณสมบัติการกันไฟลดลงหรือเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่คาด 
ผ้ากันไฟบางชนิดอาจมีอายุการใช้งานจำกัด และต้องเปลี่ยนใหม่เมื่อหมดอายุการใช้งาน

5. การดูแลรักษา
ผ้ากันไฟบางชนิดต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นพิเศษ เช่น การซักแห้ง หรือการเก็บรักษาในที่แห้งและเย็น
การดูแลรักษาที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ผ้ากันไฟเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

6. ข้อจำกัดในการใช้งาน
ผ้ากันไฟไม่ได้ป้องกันไฟได้ทุกชนิด ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
ผ้ากันไฟเป็นเพียงอุปกรณ์ป้องกันเบื้องต้น ควรมีอุปกรณ์ดับเพลิงอื่นๆ เตรียมพร้อมไว้ด้วย
หากเกิดเหตุไฟไหม้ขนาดใหญ่ ควรรีบอพยพออกจากพื้นที่ และแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงทันที

7. ฝุ่นละออง
ผ้ากันไฟบางชนิดมีฝุ่นอยู่ที่ใยผ้ามาก เมื่อนำมาใช้งานจะทำให้ผู้ใช้สูดดมละอองฝุ่นเหล่านี้เข้าไป เมื่อเกิดการสะสมในปอดและหลอดลมมากๆ ก็จะส่งผลให้เกิดโรคภูมิแพ้หรือโรคร้ายต่างๆตามมา 

8. การระคายเคือง
ผ้ากันไฟที่ทำจากใยแก้วหรือซิลิกาอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังหรือระบบทางเดินหายใจได้

9. ความทนทาน
ผ้ากันไฟบางประเภทที่ทนอุณหภูมิสูงได้ถึง 1,000 C แต่มีความหนาของผ้าน้อยกว่า 1 mm ก็อาจทำให้อายุการใช้งานสั้นเกินไป เนื่องจากผ้าจะทะลุเร็ว ทำให้ต้องหาผ้ากันไฟผืนใหม่มาเปลี่ยนบ่อยครั้ง ส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน 

10. การนำมาตัดเย็บ
ผ้ากันไฟนำมาตัดเย็บเป็นชุดผจญเพลิงไม่ได้เนื่องจากเป็นใยแก้วหรือซิลิก้าทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผู้สวมใส่ได้

ดังนั้น การเลือกใช้ผ้ากันไฟควรพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสีย เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและงบประมาณของคุณค่ะ

2
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


3
ซ่อมบำรุงอาคาร: ข้อดีของแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์

ในปัจจุบัน เครื่องปรับอากาศหรือแอร์ มีความจำเป็นอย่างมากในอากาศที่ร้อนอบอ้าว เชื่อว่า มีแทบทุกบ้าน เพราะมีความจำเป็นสำหรับใครหลายๆคน เนื่องจากอากาศในบ้านเราต้องบอกว่า มีอากาศที่ร้อนแทบจะตลอดทั้งปี ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อใช้ในการคลายร้อน ทำให้ความรู้สึกเย็นสบาย แต่เราก็ต้องแลกกับค่าไฟที่ต้องเพิ่มมากขึ้น แต่หากเราติดเครื่องปรับอากาศเพื่ออำนวยความสะดวกก็ต้องมั่นใจว่าเครื่องปรับอากาศของเรานั้น จะมีอายุการใช้งานที่นานและมีการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ

แต่ก็มีหลายบ้านที่มักจะเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน โดยไม่ได้พักแอร์เลย ก็ทำให้แอร์ต้องทำงานหนัก และสกปรกได้ง่าย เพราะยิ่งเราเปิดแอร์ ก็ยิ่งทำให้แอร์มีการสะสมของฝุ่นเป็นจำนวนมากนั่นเอง ซึ่งการใช้งานแอร์ที่หนักเกินไปนั้น ทำให้เราต้องทำความสะอาดแอร์บ่อยๆ แต่ยิ่งเราเปิดแอร์ตลอดทั้งวัน ค่าไฟก็จะยิ่งพุ่งสูงเป็นธรรมดา เพราะแอร์ ถือว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ค่อนข้างเปลืองไฟ แต่ก็มีเทคนิคที่จะช่วยให้เราประหยัดค่าไฟฟ้าไปได้เยอะ

เพียงแค่เราใช้งานแอร์อย่างถูกต้อง ซึ่งในสมัยนี้ก็มีเครื่องปรับอากาศรุ่นต่างๆเกิดข้นมากมาย หนึ่งในนั้น คือแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ ที่เป็นแอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงข้อดีของแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่สนใจจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศได้พิจารณาในการเลือกซื้อได้อย่างเหมาะสม
 
แอร์อินเวอร์เตอร์ คือแอร์ที่ทำงานโดยกระบวนการแปลงไฟฟ้าจากกระแสตรง ไปเป็นกระแสสลับ  เพื่อควบคุมรอบมอเตอร์ของคอมเพรสเซอร์ได้อย่างละเอียดกว่าการปรับกระแสไฟฟ้าสลับโดยตรงที่ทำได้เพียงแค่ ตัด/ต่อ เหมือนแอร์บ้านทั่วไป และสามารถชะลอการทำงานได้อย่างอิสระ โดยไม่จำเป็นต้องตัดไฟ หรือ จ่ายไฟเปิดคอมเพรสเซอร์ เพื่อควบคุมอุณหภูมิห้องเลย


ดังนั้นข้อได้เปรียบของแอร์ชนิดนี้อย่างแรกก็คือ การประหยัดไฟที่มากกว่า โดยลักษณะพิเศษของ แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ คือ ทำงานเงียบ ด้วยความที่มันสามารถควบคุมกำลังไฟที่ตัว คอมเพรสเซอร์ได้ ดังนั้น การทำงานจึงแตกต่างจากอีกประเภท คือมันสามารถเร่งระดับการทำความเย็นได้สูงสุดเพื่อให้ อุณหภูมิไปแตะถึงจุดที่กำหนด


จากนั้นก็ปรับกำลังไฟที่ตัวคอมเพรสเซอร์ เพื่อ ปรับระดับการทำงานให้เบาลงและรักษาระดับอุณหภูมิไว้ การทำงานจึงค่อนข้างมีเสียงเบากว่า และยังทำความเย็น ได้รวดเร็วกว่า เพราะเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ มีประสิทธิภาพในการทำความเย็นได้เร็วกว่าเครื่องระบบธรรมดา ที่มีค่า BTU หรือ หน่วยทำความเย็นเท่ากัน


นอกจากนี้ การทำให้ห้องเย็นเร็วขึ้น ก็ยังขึ้นอยู่กับองศาที่เราเปิดด้วยเช่นกัน สมมติว่าเราเปิดแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ที่ 18 องศาเท่ากับแอร์ธรรมดา ห้องที่จะเย็นเร็วกว่า คือห้องที่ใช้ ระบบอินเวอร์เตอร์เพราะคอมเพรสเซอร์จะปรับระดับการทำงานสูงสุดเพื่อให้อุณหภูมิไปแตะองศาที่กำหนดได้เร็วขึ้น แถมยังให้อุณหภูมิใกล้เคียงกับค่าที่กำหนดมากกว่า เพราะความสามารถในการควบคุมระดับการทำงานของคอมเพรสเซอร์ได้นั่นเอง ทำให้ เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ใกล้เคียงกับอุณหภูมิที่กำหนดมากกว่า


ซึ่งอาจจะต่ำหรือสูงกว่า 1 องศา เท่านั้น และยังมีคอมเพรสเซอร์ ที่มีอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้น เนื่องจากเมื่อแอร์ไม่ต้องตัดไฟบ่อย ๆ คอมเพรสเซอร์ก็จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไป คอมเพรสเซอร์แอร์ ระบบอินเวอร์เตอร์จะมีระยะเวลารับประกันถึง 10 ปีเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามค่าซ่อมบำรุงก็จะสูงกว่าแอร์ธรรมดา อย่างไรก็ตาม แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ จะมีราคาที่แพงกว่าแอร์ธรรมดาอย่างชัดเจน เพราะด้วยเรื่องของฟังก์ชันต่าง ๆ ที่กล่าวมาแต่ถ้าเทียบความคุ้มค่า หากใช้งานบ่อย ๆ แล้ว ก็คุ้มที่จะเลือกใช้งานอย่างแน่นอน
 
อย่างไรก็ตาม หากคุณอยากที่จะตรวจสอบหรือเช็คระบบแอร์ หรืองานซ่อมบำรุง สามารถขอรายละเอียดได้จากทางเรามีบริการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะนั่นหมายถึงอากาศที่ดีที่เราสูดดมเข้าไป ถ้าหากเรามีระบบเครื่องปรับอากาศที่ไม่สะอาดแล้ว อาจจะทำให้เราเสียสุขภาพไปด้วย

4
ซ่อมบำรุงอาคาร: เคล็ดลับแก้ท่อตันด้วยตัวเอง

ไม่ว่าคุณจะอยู่บ้าน คอนโดมิเนียม หอพัก หนึ่งในปัญหาที่ไม่เลี่ยงไม่ได้คือ ‘ท่อตัน’ โดยเฉพาะในห้องน้ำ ทั้งซิ้งก์ล้างหน้าและบริเวณพื้นที่เปียกที่ใช้อาบน้ำ โถส้วม ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เส้นผมจำนวนมาก คราบไขมัน เศษสิ่งสกปรก โกลบอลเฮ้าส์มีเคล็ดลับแก้ปัญหาท่อตันด้วยตัวเองแบบทันใจโดยไม่ต้องง้อช่างมาฝากกัน โดยใช้สิ่งของจากรอบตัวหรืออุปกรณ์ภายในบ้านที่หาได้ง่ายๆ

1.น้ำร้อนช่วยท่อตันได้

ในเบื้องต้นลองใช้น้ำร้อนราดลงไปในท่อ เหมาะกับใช้ในอ่างล้างหน้าและชักโครก เนื่องจากสิ่งที่อุดตันในท่อประเภทนี้มักจะเป็นคราบไขมัน ซึ่งน้ำร้อนจะช่วยเป็นตัวทำละลายคราบเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี แต่ข้อควรระวังคือ ไม่ควรใช้น้ำร้อนที่ร้อนจัดจนเกินไป เพราะอาจทำให้ท่อบวมได้ แนะนำให้ทำวิธีนี้เป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อป้องกันอาการท่อตันก่อนเกิดปัญหาจะได้ผลดีที่สุด

2. น้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดากัดกร่อนคราบสกปรก

หากเกิดปัญหาท่อน้ำอุดตันแบบฉุกเฉิน ลองใช้เบกกิ้งโซดาประมาณครึ่งถ้วยตวงเทลงไปในท่อ และเทน้ำส้มสายชูอีกครึ่งถ้วยตวงตามลงไป แล้วทิ้งไว้สักพักประมาณ 30 นาที และให้ราดน้ำร้อนลงไปในท่อ คุณสมบัติความเป็นกรดของเบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูจะช่วยกัดกร่อนคราบต่างๆ ทำให้ท่อหายตัน แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ควรหาผ้าปิดปากทุกครั้งที่ใช้ เพื่อป้องกันอันตรายขณะใช้งาน

3.น้ำยาล้างจานล้างคราบไขมันได้ทันใจ

หลายคนอาจมองข้ามการใช้น้ำยาล้างจานและอาจคิดว่าได้ผลไม่ดีเท่าที่ควร แต่การใช้น้ำยาล้างจานแก้ปัญหาท่อตันได้ผลดีเกินคาด โดยให้เทน้ำยาล้างจานลงไปในท่อที่ตันประมาณครึ่งถ้วยตวง แล้วตามด้วยน้ำร้อน น้ำยาล้างจานจะช่วยกัดคราบไขมันให้หลุดออกจากท่อได้เป็นอย่างดี และใช้ทำความสะอาดคราบรอบๆ ห้องน้ำได้สะอาดอีกด้วย

4. น้ำยาฟอกผ้าขาว ขจัดคราบลดปัญหาท่อตัน

น้ำยาฟอกผ้าขาวเป็นหนึ่งในสิ่งของติดบ้านที่ช่วยกำจัดปัญหาท่อตันได้ดี โดยถอดตัวกรองน้ำที่ปากท่อออก แล้วเทน้ำยาฟอกผ้าขาวประมาณ 1 ถ้วยตวงลงไป ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที เปิดน้ำให้ไหลงไปในท่อ จะเห็นได้ว่าน้ำค่อยๆ ไหลลงท่อได้ดีขึ้น หากมีเศษสกปรกชิ้นใหญ่ให้หยิบด้วยมือขึ้นมา เพราะน้ำยาฟอกขาวไม่สามารถช่วยขจัดได้

5. ไม้แขวนเสื้อทะลวงท่อ

หากสิ่งที่ทำให้ท่ออุดตันเป็นก้อนเส้นผมที่พันกันหรือเศษขยะชิ้นใหญ่ ให้นำไม้แขวนเสื้อแกะออกมาทำเป็นเส้นยาวๆ และหักงอที่ปลายให้เป็นตะขอ แล้วนำไปเกี่ยวเศษขยะในท่อขึ้นมา หรือเขี่ยคราบสกปรกให้เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วทำความสะอาดด้วยขั้นตอนอื่นตามไปด้วย

5
จัดฟันเด็ก ช่วยแก้ไขความผิดปกติของฟันก่อนที่จะสายไป
 
การดูแลสุขภาพช่องปากส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดี การให้ความรู้และการป้องกันในระหว่างปีแรกของชีวิตต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งผู้เชี่ยวชาญและการร่วมมือของพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่จะดูแลฟันของลูกน้อยตั้งแต่ยังเป็นทารก เพราะในเรื่องของการเลี้ยงดูก็มีความสำคัญต่อสุขภาพช่องปากและฟันเช่นกัน ดังนั้น การเริ่มต้นที่จะมีสุขลักษณะที่ส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีนั้นมีความเกี่ยวข้องกับด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมของเด็กเอง จึงไม่ใช่สิ่งง่ายเลยในการเปลี่ยนแปลง บทบาทหน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองที่จะช่วยส่งเสริมและปลูกฝังทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ควรทำ ไม่ควรมองข้าม


เพราะสุขอนามัยเกี่ยวกับช่องปากและฟันของเด็กนั้น จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต และถ้าหากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ก็ควรพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อเข้ารับการจัดฟันในเด็ก โดยการจัดฟันในเด็กนั้นจะสามารถช่วยแก้ไขความผิดปกติของฟัน และสามารถทำได้ตั้งแต่เด็กอายุ 4 ขวบ หากเด็กมีปัญหาฟันที่จำเป็นที่จะต้องเข้ารับการจัดฟัน  เพราะการจัดฟันในเด็ก ทำเพื่อแก้ไขความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ


ในระหว่างที่ขากรรไกรของเด็กอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโตจะช่วยแก้ไขปัญหาบางอย่างได้ทันท่วงที ก่อนที่เขาจะโตขึ้น  เช่น กรณีขากรรไกรบนเล็กหรือแคบ การจัดฟันในเด็กจะช่วยลดปัญหาได้อย่างมาก เพราะยังเป็นช่วงที่เพดานปากหรือกระดูกขากรรไกรยังเจริญเติบโตอยู่ และสามารถขยายได้  ซึ่งหากไปทำในวัยผู้ใหญ่ขากรรไกรจะหยุดเจริญเติบโตแล้วจึงไม่สามารถแก้ไขปัญหา ขากรรไกรเบี้ยว คางยื่น หรืออื่นๆ ได้ ซึ่งอาจต้องใช้วิธีที่ยุ่งยากมากขึ้น เช่น การผ่าตัดขากรรไกรร่วมกับการจัดฟัน
 
วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ที่จะช่วยแก้ไขความผิดปกติของฟันก่อนที่จะสายไป  การที่พ่อแม่พาเด็กเข้าพบทันตแพทย์บ่อยๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างทันเวลา หากทันตแพทย์ ตรวจพบความผิดปกติของการเรียงตัวของฟันแต่เนิ่นๆ และจะได้วางแผนเวลา และวิธีการรักษาที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความคุ้นเคยกับการทำฟัน หากจำเป็นต้องใส่เครื่องมือจัดฟันเมื่อไหร่ เด็กก็จะพร้อมที่จะรับการรักษาได้ทันที จะเป็นการสร้างทัศนคติที่ดีให้เด็กไปในตัว


การจัดฟันในเด็กยังมีประโยชน์กับเด็กที่มีพฤติกรรมการดูดนิ้ว ดูดขวดนม ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดปัญหากล้ามเนื้อบนใบหน้า การจัดฟันในเด็กจึงสามารถใช้แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูกโดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมากน้อยตามแต่ช่วงอายุ


ดังนั้น ตามหลักการแล้วหากต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าจึงต้องทำการเริ่มแก้ไขในช่วงที่เด็กยังมีการเจริญเติบโต ซึ่งนอกจากนี้ ความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นในเด็กเล็ก เช่น ขากรรไกรบน-ล่างไม่สมดุลกัน ฟันหน้าล่างคร่อมฟันหน้าบน อาจเริ่มรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันความผิดปกติที่จะมีมากขึ้น ในขณะที่ยังมีการเจริญเติบโตของในหน้าและขากรรไกร


การจัดฟันในเด็กเล็กจะเป็นการใส่เครื่องมือเพื่อกระตุ้นให้การเจริญเติบโตของขากรรไกรบนและล่างได้สัดส่วน จึงทำให้เด็กมีโครงสร้างของใบหน้าที่เข้าที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรที่จะมองข้ามหรือละเลยปัญหาเล็กๆเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก เพราะอย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้นว่า ถ้าหากปล่อยไว้ อาจจะทำให้เด็กมีปัญหาฟันไปตลอดชีวิตได้


หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจอยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถพาบุตรหลานของท่านมาเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันเบื้องต้นได้ที่คลินิกเพระทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านทันตกรรมในเด็ก มีประสบการณ์ในวงการทันตกรรมมาอย่างยาวนาน จึงมั่นใจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะทางเราให้คำปรึกษาอย่างถูกต้อง สามารถแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้เด็กได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้เด็กได้ทำความสะอาดฟันอย่างถูกวิธีและสะอาดมากที่สุด เพราะเราใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของลูกค้าทุกคน เพื่อที่จะได้มีช่องปากและฟันที่สะอาด มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

6
หลายคนสงสัยการจัดฟันเด็ก EF Line คืออะไร

การจัดฟันในปัจจุบันนั้น มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ซึ่งในสมัยนี้การจัดฟันในเด็กนั้น ก็ถือว่าได้รับความสนใจจากพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นจำนวนมาก ที่อยากจะให้บุตรหลานของท่านมีฟันที่สวยงาม มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้น สามารถจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ 4-15 ปี เพราะในวัยนี้เด็กยังมีกระดูกขากรรไกรที่ยังเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเหมาะสมที่จะเข้ารับการจัดฟัน เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้น ก็มีการนำนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่เข้ามาช่วยในการรักษา ทำให้ฟันของเด็กเจริญเติบโตได้อย่างเหมาะสมและสวยงาม ซึ่งเครื่องมือที่ว่านั้นก็คือ EF Line ที่จะช่วยในเรื่องของการปรับโครงสร้างของใบหน้าให้อยู่ในรูปร่างที่เหมาะสม ถือว่าเครื่องมือ EF Line เป็นเครื่องมือการรักษาทางทันตกรรมในรูปแบบใหม่ โดยอาศัยแรงที่ได้จากกล้ามเนื้อให้เกิดการปรับโครงสร้างกระดูกใบหน้าและให้มีการเรียงตัวของฟันที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ ส่งผลให้บุตรหลานของท่านมีรอยยิ้มที่สดใส สมวัยด้วย


ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจที่จะให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กด้วยเครื่องมือ EF Line ก็ควรที่จะศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับการจัดฟันในเด็กก่อนได้ หรือปรึกษาทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญที่จะให้ความรู้ในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ให้กับบุตรหลานของท่าน เพื่อที่จะได้ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง ซึ่งทางคลินิกของเราก็มีทันตแพทย์ที่จะช่วยให้คำแนะนำในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก หากสนใจสามารถเข้ารับคำแนะนำได้ แต่ในวันนี้ทางคลินิกของเรา จะมาพูดเครื่องมือ EF Line เพื่อเป็นความรู้ให้กับท่านที่สนใจที่จะนำบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก

สำหรับเครื่องมือ EF Line นั้น เป็นชุดเครื่องมือการจัดฟันในเด็กที่สามารถใช้แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติได้และยังช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูก เพราะกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างของเด็กในวัยนี้ ยังมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็มีมากน้อยตามแต่ช่วงอายุของเด็ก นอกจากนี้เครื่องมือ EF Line ยังถูกออกแบบมาเพื่อทำการปรับเปลี่ยนการหายใจให้ถูกวิธี รวมถึงการใช้เครื่องมือเพื่อช่วยปรับการกลืนให้ถูกต้องอีกด้วย เรียกได้ว่า เครื่องมือ EF Line นั้น แทบจะแก้ปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กได้อย่างล้ำลึก ตั้งแต่กล้ามเนื้อไปจนถึงฟันเลยทีเดียว


อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของพฤติกรรมในเด็กที่มักจะพบเจอได้บ่อย นั่นก็คือ ปัญหาในเรื่องของการดูดนิ้ว กัดเล็บ กัดริมฝีปาก หายใจทางปากเป็นประจำ หรือมีการกลืนที่ผิดปกติ พฤติกรรมเหล่านี้ก็มีผลต่อการเรียงตัวของฟันของเด็กด้วย หรืออาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของใบหน้าและขากรรไกรที่ผิดปกติ ทำให้ต้องมารับการจัดฟันเร็วขึ้น เพื่อป้องกันหรือแก้ไขความผิดปกติเหล่านั้น ซึ่งเครื่องมือการจัดฟันในเด็ก EF Line ก็สามารถแก้ไขพฤติกรรมดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม การใช้เครื่องมือการจัดฟัน EF Line ก็ถือว่าจัดเป็นงานการประยุกต์และปรับปรุงการเจริญเติบโต ซึ่งจะได้ผลดีเมื่อเริ่มในเด็กที่มีการสบฟันที่ผิดปกติ ฟันยื่น โดยสามารถแก้ไขฟันได้ภายใน 6-9 เดือน หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อแก้ไขปัญหาฟันได้ในระยะยาว สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาสุขภาพฟันของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ


นอกจากนี้ ทันตแพทย์จะแนะนำในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันที่ถูกต้อง เพื่อให้เด็กได้ตระหนักและเอาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันให้มากเป็นพิเศษ เพื่อที่จะได้ปลูกฝังให้เด็กมีความรับผิดชอบในเรื่องของการรักษาสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี รวมไปถึงมีรอยยิ้มที่มั่นใจ สดใส เสริมสร้างบุคลิกภาพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีความสุข

7
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


8
Doctor At Home: พิษคางคก (Toad poisoning/Bufotoxins poisoning)

ต่อมเมือกใกล้หู (parotid gland) ของคางคกจะขับเมือก (เรียกว่า ยางคางคก) ที่มีสารพิษ (bufotoxins/toad toxins) ซึ่งประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิดที่มีผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ที่สำคัญ คือ กลุ่มดิจิทาลอยด์ ซึ่งออกฤทธิ์คล้ายดิจิทาลิส ทำให้เกิดพิษร้ายแรงต่อหัวใจถึงเสียชีวิตได้

นอกจากนี้ ยังมีสารสำคัญอื่น ๆ เช่น กลุ่มคาเทโคลามีน (catecholamines) ที่มีผลต่อหัวใจและหลอดเลือด และกลุ่มอินโดลไคลามีน (indolekylamines) ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้มีอาการประสาทหลอน

พิษมีอยู่ในหนัง เลือด ไข่ และเครื่องในของคางคกแทบทุกชนิดที่มีในบ้านเรา พิษมีความทนต่อความร้อน การบริโภคคางคกที่ทำให้สุกแล้วก็เกิดพิษได้

เด็กจะทนต่อพิษคางคกได้มากกว่าผู้ใหญ่

ในบ้านเรามีรายงานผู้ที่ป่วยและตายจากการบริโภคคางคกเป็นครั้งคราว


สาเหตุ

เกิดจากการบริโภคคางคกพิษโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์


อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการแสดงคล้ายได้รับพิษดิจิทาลิสเกินขนาด อาการจะเกิดขึ้นช้า ๆ หลังจากกินคางคกหลายชั่วโมง แรกเริ่มจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน บางรายอาจมีอาการปวดท้อง ท้องเดินร่วมด้วย

ต่อมาจะอาการอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ เห็นภาพเป็นสีเหลือง มีอาการเปลี่ยนแปลงของระดับสติ เริ่มจากอาการสับสน เพ้อ ง่วงซึม มีอาการประสาทหลอน หรืออาการทางจิต จนในที่สุดมีอาการชัก หมดสติ

ที่ร้ายแรง คือ หัวใจเต้นช้าและเต้นผิดจังหวะ ในที่สุดเกิดภาวะหัวใจห้องล่างเต้นระรัว (ventricular fibrillation) และเสียชีวิตในเวลารวดเร็วจากภาวะหัวใจวายหรือการไหลเวียนล้มเหลว


ภาวะแทรกซ้อน

ที่สำคัญ คือ ภาวะหัวใจห้องล่างเต้นระรัว (ventricular fibrillation) ซึ่งเป็นสาเหตุการตายของโรคนี้

นอกจากนี้มักมีภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

มักตรวจพบชีพจรเต้นช้ากว่า 40 ครั้ง/นาที

ในระยะรุนแรง จะพบอาการชัก หมดสติ คลำชีพจรไม่ได้


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะวินิจฉัยโรคนี้จากลักษณะอาการและประวัติการกินคางคกเป็นสำคัญ ในบางแห่งอาจทำการตรวจหาสารดิจิทาลิสในเลือด และมักจะทำการติดตามประเมินอาการด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และตรวจหาระดับโพแทสเซียมเป็นระยะ ๆ

การรักษา ให้การรักษาขั้นพื้นฐาน (อ่านเพิ่มเติมที่ "การรักษาขั้นพื้นฐาน (ที่สถานพยาบาล) สำหรับผู้ป่วยที่กินสัตว์หรือพืชพิษ" ด้านล่าง) ถ้าพบว่าคลำชีพจรไม่ได้หรือหยุดหายใจให้ทำการกู้ชีพ

นอกจากนี้จะให้การรักษาแบบประคับประคอง เช่น ในรายที่ชีพจรเต้นช้าให้อะโทรพีน ถ้าไม่ได้ผล อาจต้องใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker)

ในรายที่ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะให้ยาแก้ไข เช่น ลิโดเคน (lidocaine) เฟนิโทอิน ควินิดีน อะมิโอดาโรน (amiodarone) เป็นต้น

ในรายที่มีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง ให้การรักษาด้วยการฉีดโซเดียมไบคาร์บอเนต กลูโคส และอินซูลิน

ถ้ามี digitalis FAB antibody ควรรีบให้ยานี้ทันที ซึ่งจะช่วยให้พิษหมดเร็ว และรอดชีวิตได้

การรักษาขั้นพื้นฐาน (ที่สถานพยาบาล) สำหรับผู้ป่วยที่กินสัตว์หรือพืชพิษ

1. ถ้าผู้ป่วยกินสัตว์หรือพืชพิษมาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และยังไม่อาเจียน รีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียนด้วยการให้ไอพีเเคกน้ำเชื่อมหรือใช้นิ้วล้วงคอ

2. ให้ผู้ป่วยกินผงถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ขนาด 1 กรัม/กก. โดยผสมน้ำ 1 แก้ว โดยให้ผู้ป่วยดื่มเอง ถ้าอาเจียนหรือดื่มเองไม่ได้ ให้ป้อนผ่านท่อสวนกระเพาะ (stomach tube) ถ้าผู้ป่วยหมดสติ ควรใส่ท่อช่วยหายใจก่อนเพื่อป้องกันการสำลัก

ควรให้เร็วที่สุดเมื่อพบผู้ป่วย (วิธีนี้จะได้ผลมากที่สุดเมื่อให้กินภายใน 30 นาทีหลังกินสัตว์หรือพืชพิษ) ไม่ควรให้ก่อนหรือหลังให้ยาที่ทำให้อาเจียน

ในรายที่รับพิษร้ายเเรง เช่น ปลาปักเป้า แมงดาถ้วย เห็ดพิษร้ายแรง หรือสงสัยรับพิษปริมาณมาก ควรให้ซ้ำทุก 4 ชั่วโมง

3. ทำการล้างกระเพาะอาหารด้วยน้ำเกลือนอร์มัลหรือน้ำ

วิธีนี้จะได้ผลดี เมื่อผู้ป่วยกินสารพิษมาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และไม่มีอาการอาเจียน ถ้าทำหลังกินสารพิษมากกว่า 4 ชั่วโมง อาจไม่ได้ประโยชน์และไม่คุ้มกับผลข้างเคียง (ที่สำคัญคือ การสำลักเข้าปอดทำให้ปอดอักเสบ)

ควรกระทำโดยบุคลากรที่ชำนาญ และในที่ที่มีความพร้อม

ไม่จำเป็นต้องทำ ถ้าผู้ป่วยมีอาการอาเจียนมาก และห้ามทำในผู้ป่วยชัก ไม่ค่อยรู้ตัว หมดสติ

อาจให้ผงถ่านกัมมันต์กินก่อนล้างกระเพาะ หรือผสมผงถ่านกัมมันต์ในน้ำล้างกระเพาะก็ได้

4. ให้ผู้ป่วยดื่มโซเดียมไบคาร์บอเนต ขนาด 2-5% จำนวน 50 มล.

5. ให้กินยาระบาย ซอร์บิทอล (sorbitol) ขนาด 70% อาจกินเดี่ยว ๆ หรือผสมกับผงถ่านกัมมันต์แทนน้ำก็ได้ ถ้าไม่มีอาจให้ยาระบายอื่น ๆ เช่น ยาระบายแมกนีเซีย (Milk of Magnesia) แทน ให้ได้ไม่เกิน 2 ครั้ง

ห้ามทำ ในรายที่มีอาการถ่ายท้องมากอยู่แล้ว หรือมีภาวะขาดน้ำที่ยังไม่ได้รับการทดแทน

6. ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

7. ถ้าชักฉีดไดอะซีเเพม 5-10 มก.เข้าหลอดเลือดดำ

8. ถ้าหยุดหายใจหรือหายใจไม่ได้ ให้ทำการช่วยเหลือด้วยการเป่าปาก หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ

9. ถ้าหมดสติ ให้การรักษาแบบหมดสติ


การดูแลตนเอง

หากสงสัยว่าผู้ป่วยเกิดอาการพิษคางคก ควรทำการปฐมพยาบาลแล้วรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที

การปฐมพยาบาล สำหรับผู้ป่วยที่กินสารพิษ สัตว์พิษ หรือพืชพิษ

1. รีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียน เพื่อขับพิษออก

    ถ้ามียากระตุ้นอาเจียน ได้แก่ ไอพีแคกน้ำเชื่อม (syrup ipecac) ให้กินครั้งละ 15-30 มล. (เด็กโต 15 มล.) และดื่มน้ำตามไป 1 แก้ว ถ้ายังไม่อาเจียนใน 20 นาที กินซ้ำได้อีก 1 ครั้ง
    ถ้าไม่มียา ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ 1 แก้ว แล้วใช้นิ้วล้วงเข้าไปเขี่ยที่ผนังลำคอกระตุ้นให้อาเจียน ถ้าไม่ได้ผลทำซ้ำอีกครั้ง

ควรเก็บเศษอาหารที่อาเจียน ไว้ส่งตรวจวิเคราะห์

วิธีนี้จะได้ผลดี ต้องรีบทำภายใน 1 ชั่วโมงหลังกินสารพิษ และไม่ต้องทำหากผู้ป่วยมีอาการอาเจียนเองอยู่แล้ว

ห้ามทำ ในผู้ป่วยที่ชัก ไม่ค่อยรู้ตัวหรือหมดสติ หรือกินกรด ด่าง น้ำมันก๊าด ทินเนอร์ หรือสารพิษไม่ทราบชนิด

2. ถ้ามีผงถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ให้กินขนาด 1 กรัม/กก. โดยผสมน้ำ 1/2-1 แก้ว เพื่อลดการดูดซึมสารพิษเข้าร่างกาย (ไม่ต้องทำถ้าผู้ป่วยกินกรด ด่าง น้ำมันก๊าด ทินเนอร์)

ถ้าไม่มีผงถ่านกัมมันต์ ให้กินไข่ดิบ 5-10 ฟอง หรือดื่มนมหรือน้ำ 4-5 แก้ว

3. สำหรับผู้ป่วยที่กินพาราควอต ให้กินสารละลายดินเหนียว (Fuller’s earth) โดยผสมผงดินเหนียว 150 กรัม หรือ 2 1/2 กระป๋อง ในน้ำ 1 ลิตร ถ้าไม่มีให้ดื่มน้ำโคลนดินเหนียวจากท้องร่องในสวน (ที่ไม่มีตะปูหรือเศษแก้ว หรือสารพิษตกค้าง) ซึ่งจะลดพิษของยานี้ได้

4. สำหรับผู้ที่กินปลาปักเป้า แมงดาถ้วย ปลาทะเลพิษ หอยทะเลพิษ เห็ดพิษ ให้ดื่มโซเดียมไบคาร์บอเนตขนาด 2-5% จำนวน 50 มล. (อาจเตรียมโดยผสมผงฟู 1-2.5 กรัม ในน้ำ 50 มล.) ซึ่งจะช่วยลดพิษของอาหารพิษได้

ห้ามทำ ข้อ 2-4 ถ้าผู้ป่วยชัก ไม่ค่อยรู้ตัวหรือหมดสติ

5. ถ้าผู้ป่วยมีภาวะขาดน้ำ ให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ หรือให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

6. ถ้าผู้ป่วยชักหรือหมดสติ ให้ทำการปฐมพยาบาลเช่นเดียวกับผู้ป่วยชัก (อ่านใน "โรคลมชัก" เพิ่มเติม) หรือหมดสติ (อ่านใน "อาการหมดสติ" เพิ่มเติม)

7. รีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ควรนำสารพิษที่ผู้ป่วยกินหรืออาเจียนออกมาไปให้แพทย์ตรวจวิเคราะห์ด้วย


การป้องกัน

1. หลีกเลี่ยงการกินคางคกทุกชนิด ไม่ว่าจะปรุงหรือเตรียมให้สุกด้วยวิธีใด ๆ ก็ตาม

2. หลีกเลี่ยงการกินยาจีนหรือยาแผนโบราณที่มีส่วนประกอบของคางคกผสม


ข้อแนะนำ

การรับพิษคางคกส่วนใหญ่เกิดจากการกินคางคกด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่มีรายงานว่าในสหรัฐอเมริกามีผู้ที่ป่วยด้วยพิษคางคกจากการกินยาจีนที่ทำจากหนังคางคก (เชื่อว่าเป็นยาบำรุงทางเพศ)* ดังนั้นจึงควรมีความระมัดระวังในการใช้ยาแผนโบราณเป็นอย่างยิ่ง

9
หมอออนไลน์: ปอดทะลุ/ภาวะมีลมในโพรงเยื่อหุ้มปอด (Pneumothorax)

ปอดทะลุ (ปอดรั่ว ภาวะมีลมในโพรงเยื่อหุ้มปอดก็เรียก) หมายถึง ภาวะที่มีลมรั่วออกจากถุงลม (alveoli) เข้าไปขังอยู่ในโพรงเยื่อหุ้มปอด (pleural cavity) ลมที่รั่วจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และดันให้เนื้อปอดแฟบลง ทำให้มีอาการหายใจลำบาก และอาจเกิดภาวะช็อกถึงตายได้เป็นภาวะที่พบได้ไม่บ่อยนัก

สาเหตุ

อาจเกิดจากการได้รับบาดเจ็บ เรียกว่า ปอดทะลุจากการบาดเจ็บ (traumatic pneumothorax) เช่น ถูกยิง ถูกแทง รถชน เป็นต้น

หรืออยู่ดี ๆ อาจเกิดขึ้นเองก็ได้ เรียกว่า ปอดทะลุที่เกิดเอง (spontaneous pneumothorax) เกิดขึ้นเพราะมีการแตกของถุงลมที่ผิดปกติ มักพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคถุงลมปอดโป่งพอง นอกจากนี้ยังอาจพบในคนที่เป็นโรคหืด ปอดอักเสบ ภาวะมีหนองในโพรงเยื่อหุ้มปอด วัณโรคปอด เป็นต้น หรือบางรายอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุก็ได้ มักพบในผู้ที่สูบบุหรี่

ถ้ามีลมรั่วไม่มาก อาจไม่มีอาการรุนแรง และหายได้เองภายในไม่กี่วัน

แต่ถ้ามีลมรั่วออกมามากมักจะทำให้เกิดอาการหอบรุนแรง หากช่วยเหลือไม่ทันอาจเสียชีวิตได้


อาการ

มีอาการแสดงได้หลายอย่างขึ้นกับปริมาณของลมที่รั่ว และสภาพของผู้ป่วย

บางรายอาจรู้สึกเจ็บหน้าอกแปลบขึ้นมาทันทีทันใด และอาจเจ็บร้าวไปที่ไหล่ หรือแขนข้างเดียวกัน แล้วต่อมารู้สึกหายใจหอบ

บางรายอาจมีอาการไอแห้ง ๆ ร่วมด้วย

บางรายอาจเพียงแต่รู้สึกแน่นอึดอัดในหน้าอกหรือเจ็บหน้าอกเป็นครั้งคราว คล้ายกับอาการของเยื่อหุ้มปอดอักเสบ   

เมื่อปล่อยไว้หลายวัน ถ้าลมยังรั่วออกมาเรื่อย ๆ จนดันให้เนื้อปอดข้างหนึ่งแฟบ ก็จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการหอบมาก ชีพจรเต้นเร็ว และความดันต่ำ


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าเป็นรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (acute respiratory failure) หรือเกิดภาวะช็อกได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

ในรายที่เป็นเล็กน้อย หรือเพิ่งมีอาการในระยะแรก การตรวจร่างกายอาจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน

ในรายที่มีลมรั่วออกไปในโพรงเยื่อหุ้มปอดในปริมาณมาก มักพบว่าหน้าอกข้างที่มีอาการผิดปกติ (เจ็บหน้าอกหรือแน่นอึดอัด) มีลักษณะเคาะโปร่งกว่าอีกข้างหนึ่ง ท่อลม (trachea) เบี้ยวไปข้างที่ไม่มีอาการผิดปกติ ใช้เครื่องฟังตรวจปอดจะไม่ได้ยินเสียงหายใจ หรือได้ยินค่อยมาก

ในรายที่เป็นรุนแรง อาจพบอาการหายใจลำบาก หรือภาวะช็อก

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการเอกซเรย์ปอด และใช้เข็มต่อกับกระบอกฉีดยาเจาะที่ช่องใต้ซี่โครงซี่ที่ 2  (โดยฉีดยาชาก่อน) ถ้าพบมีลมดันเข้าไปในกระบอกฉีดยา แสดงว่ามีลมในโพรงเยื่อหุ้มปอดจริง


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล และทำการเจาะระบายลมออก

หากพบมีสาเหตุชัดเจน ก็จะให้การรักษาโรคที่เป็นสาเหตุร่วมด้วย

ผลการรักษา ส่วนใหญ่หายได้เป็นปกติภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ถ้าปล่อยให้มีภาวะรุนแรงมากและได้รับการรักษาล่าช้าไป ก็อาจเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้


การดูแลตนเอง

หากมีอาการเจ็บแปลบที่หน้าอก และ/หรือรู้สึกแน่นอึดอัดในหน้าอกข้างหนึ่งนานติดต่อกันเป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นปอดทะลุ ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามการรักษากับแพทย์ตามนัด

ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด


การป้องกัน

สำหรับคนทั่วไป ควรไม่สูบบุหรี่ เพราะบุหรี่เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดปอดทะลุได้

สำหรับผู้ที่มีปอดทะลุจากโรคบางชนิด เช่น ปอดอักเสบ วัณโรคปอด ถุงลมปอดโป่งพอง เป็นต้น ก็ให้การป้องกันตามโรคต้นเหตุเหล่านี้


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้ในระยะแรกอาจมีอาการเจ็บแปลบที่หน้าอกข้างหนึ่ง โดยไม่มีอาการหายใจหอบเหนื่อยและความผิดปกติอื่น ๆ อาจทำให้เข้าใจว่าเป็นเพียงการเจ็บยอกกล้ามเนื้อหน้าอกหรือเยื่อหุ้มปอดอักเสบ ผู้ป่วยควรเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ถ้ามีอาการต่อเนื่องกันเป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ หรือรู้สึกมีอาการแน่นอึดอัดในหน้าอกมากขึ้น หรือมีความวิตกกังวลว่าอาจมีสาเหตุที่ร้ายแรง ก็ควรรีบไปปรึกษาแพทย์

2. ผู้ป่วยที่มีภาวะปอดทะลุเกิดขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อรักษาหายแล้ว ประมาณร้อยละ 50 อาจมีอาการกำเริบซ้ำได้อีก และถ้ามีประวัติสูบบุหรี่ ควรงดสูบบุหรี่เพื่อป้องกันมิให้มีอาการกำเริบซ้ำ

10
ศูนย์ข้อมูลโควิด-19: เรื่องควรรู้เกี่ยวกับโรคโควิด 19 (COVID19 : SARS-CoV-2)

"โควิด-19" (COVID-19) คือโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเป็นไวรัสที่แพร่กระจายได้ง่ายจากคนสู่คนผ่านทางละอองฝอยจากการไอหรือจาม


อาการของโรคโควิด-19

อาการของโรคโควิด-19 นั้นมีความหลากหลาย บางคนอาจไม่แสดงอาการเลย ในขณะที่บางคนอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบและเสียชีวิตได้ โดยอาการที่พบบ่อยมีดังนี้:

ไข้ หรือ หนาวสั่น

ไอแห้ง หรือ ไอมีเสมหะ

อ่อนเพลีย หรือ เหนื่อยง่ายผิดปกติ

เจ็บคอ

ปวดศีรษะ

ปวดเมื่อยตามตัว

จมูกไม่ได้กลิ่น หรือ ลิ้นไม่รับรส

หายใจลำบาก หรือ หายใจหอบเหนื่อย

คลื่นไส้ หรือ อาเจียน

ท้องเสีย


ความรุนแรงของอาการ

อาการน้อย: มีไข้ต่ำๆ, เจ็บคอ, ไอแห้ง, ไม่มีน้ำมูก

อาการปานกลาง: มีไข้สูง, ไอหนักขึ้น, มีเสมหะ, หายใจหอบเหนื่อย

อาการรุนแรง: หายใจลำบากอย่างมาก, เจ็บหน้าอก, เหนื่อยหอบรุนแรง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน

หากคุณมีอาการที่เข้าข่ายการติดเชื้อโควิด-19 ควรเข้ารับการตรวจและปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

11
doctor at home: โซริอาซิส/โรคสะเก็ดเงิน/โรคเกล็ดเงิน (Psoriasis)

โซริอาซิส (โรคสะเก็ดเงิน โรคเกล็ดเงิน ก็เรียก) เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังชนิดหนึ่งที่มีลักษณะขึ้นเป็นผื่นหรือปื้นและมีเกล็ดสีเงินปกคลุม มักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ นานเป็นแรมปีหรือตลอดชีวิต โดยไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ และไม่ติดต่อให้ผู้สัมผัสใกล้ชิด

พบได้ประมาณร้อยละ 1-3 ของคนทั่วไป ชายและหญิงพบได้เท่า ๆ กัน พบได้ในคนทุกวัย มักจะเริ่มมีอาการครั้งแรกในช่วงอายุ 10-40 ปี

ผู้ป่วยประมาณ 1 ใน 3 พบว่ามีประวัติโรคนี้ในครอบครัว และอาการมักจะกำเริบเมื่อมีสาเหตุกระตุ้น ที่พบบ่อยคือความเครียด

สาเหตุ

โรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด

ในคนปกติ เซลล์ผิวหนังในชั้นหนังกำพร้าจะมีการงอกใหม่จากชั้นใต้ผิวหนังขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวหนังบนชั้นนอกสุดที่แก่ตัวตายและหลุดออกไปเป็นวัฏจักร โดยเซลล์ผิวหนังที่งอกใหม่จะใช้เวลาเคลื่อนตัวจากชั้นใต้ผิวหนังขึ้นมาที่ชั้นนอกสุดของผิวหนังประมาณ 26 วัน

แต่ผู้ที่เป็นโรคนี้ พบว่าบริเวณรอบโรคจะมีการแบ่งตัวหรืองอกของเซลล์ผิวหนังใหม่เร็วกว่าปกติ และใช้เวลาเคลื่อนตัวขึ้นมาที่ชั้นนอกสุดของผิวหนังเพียงประมาณ 4 วัน ทำให้เซลล์ผิวหนังที่แก่ตัวหลุดออกในอัตราความเร็วไม่ทันกับการงอกของเซลล์ใหม่ จึงทำให้เกิดการหนาตัวของผิวหนังกลายเป็นตุ่มหรือปื้น และมีเกล็ดสีเงินปกคลุมซึ่งหลุดลอกออกง่าย

สันนิษฐานว่าความผิดปกติดังกล่าวเกี่ยวข้องกับความแปรปรวนของระบบภูมิคุ้มกัน กล่าวคือ ลิมโฟไซต์ที่มีชื่อว่า T cells (ปกติทำหน้าที่ในการต่อสู้กับเชื้อโรค) ถูกกระตุ้นให้ทำงานมากเกิน เมื่อเคลื่อนตัวมาที่ชั้นใต้ผิวหนังก็จะทำงานร่วมกับสารอื่น ๆ กระตุ้นให้เซลล์หนังกำพร้าเกิดการแบ่งตัวและเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วผิดปกติ และก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหนังทั้งในชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้

กลไกของการเกิดโรคโซริอาซิส เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านกรรมพันธุ์ ร่วมกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่มีลักษณะซับซ้อน

ปัจจุบัน พบว่ามียีนผิดปกติของโรคนี้อยู่มากกว่า 8 ชนิด ผู้ป่วยแต่ละรายจะมียีนผิดปกติที่ไม่เหมือนกัน จึงทำให้มีอาการแสดงได้หลากหลายรูปแบบ นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ที่มียีนของโรคนี้แฝงอยู่ในร่างกายมีถึง 1 ใน 3 ที่ไม่มีอาการ ซึ่งแสดงว่าน่าจะมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดอาการ

สาเหตุกระตุ้นที่อาจพบได้ เช่น ความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ การติดเชื้อ (เช่น คออักเสบจากเชื้อสเตรปโตค็อกคัส การติดเชื้อเอชไอวี) การบาดเจ็บที่ผิวหนัง การใช้ยาปิดกั้นบีตาหรือลิเทียม พบว่าเป็นสาเหตุทำให้โรคกำเริบเป็นครั้งแรก

ส่วนปัจจัยที่ทำให้โรคมีอาการกำเริบซ้ำหรือรุนแรงมากขึ้น เช่น ความเครียด การติดเชื้อต่าง ๆ (รวมทั้งการติดเชื้อเอชไอวี) การแกะเกาขูดข่วนที่ผิวหนัง แมลงกัดต่อย แพ้แดดหรือถูกแดดมาก อากาศหนาวเย็น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์จัด ความอ้วน การใช้ยา (เช่น คลอโรควีน ยาปิดกั้นบีตา ยาต้านเอซ ลิเทียม ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาที่เข้าไอโอไดด์ เป็นต้น) การหยุดยากินสเตียรอยด์ (ที่เคยใช้ได้ผลอยู่ก่อนก็อาจทำให้อาการกำเริบได้)

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยจำนวนมากอาจไม่พบว่ามีสาเหตุอะไรเป็นตัวกระตุ้นก็ได้

อาการ

มีอาการแสดงได้หลายชนิด ซึ่งอาจเป็นชนิดใดชนิดหนึ่งหรือหลายชนิดร่วมกัน ดังนี้

    โซริอาซิสชนิดปื้นหนา (plaque psoriasis) ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด อาการตอนเริ่มกำเริบใหม่ ๆ จะเป็นตุ่มแดง ขอบเขตชัดเจน และมีขุยสีขาว (สีเงิน) อยู่ที่ผิว ต่อมาตุ่มจะค่อย ๆ ขยายออกจนกลายเป็นปื้นใหญ่และหนา และขุยสีขาวที่ผิวจะหนาตัวขึ้นเห็นเป็นเกล็ดสีเงิน (ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงเรียกว่า โรคเกล็ดเงินหรือสะเก็ดเงิน) เกล็ดนี้จะร่วงเวลาถอดเสื้อหรือเดินไปไหนมาไหน หรือร่วงอยู่ตามเก้าอี้หรือที่นอน ถ้าขูดเอาเกล็ดออกจะมีรอยเลือดออกซิบ ๆ

รอยโรคอาจมีอาการคันหรือเจ็บ และอาจดูคล้ายอาการของโรคกลาก ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้

ความผิดปกติดังกล่าวอาจเกิดที่ผิวหนังได้ทุกส่วน แต่มักจะพบที่หนังศีรษะ และผิวหนังส่วนที่เป็นปุ่มนูนของกระดูก ที่พบบ่อยได้แก่ ข้อศอก ข้อเข่า อาจพบที่บริเวณก้นกบ หน้าแข้ง รอยโรคจะมีขนาดต่าง ๆ กัน อาจขึ้นเพียงไม่กี่แห่ง หรือกระจายทั่วไปก็ได้ นอกจากนี้รอยโรคลักษณะดังกล่าวยังชอบขึ้นตามบริเวณผิวหนังที่เคยได้รับบาดเจ็บหรือชอกช้ำ เช่น รอยบาดแผล รอยขีดข่วน เป็นต้น บางรายอาจมีรอยโรคภายในเยื่อบุช่องปาก หรือบริเวณอวัยวะเพศก็ได้

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีรอยโรคลักษณะดังกล่าวเป็นปื้นหนา ๆ ขึ้น ๆ ยุบ ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่หายขาด

โซริอาซิสชนิดปื้นหนา
 
    โซริอาซิสชนิดตุ่มเล็ก (guttate psoriasis) มักพบในคนอายุต่ำกว่า 30 ปี และมักเกิดอาการครั้งแรกหลังจากเป็นคออักเสบจากเชื้อสเตรปโตค็อกคัส ลักษณะเป็นตุ่มหรือผื่นแดงเล็ก ๆ รูปร่างคล้ายหยดน้ำ ขึ้นตามลำตัว แขน ขา หนังศีรษะ และมีเกล็ดเงินเล็ก ๆ ปกคลุม อาจเกิดอาการเพียงครั้งเดียวแล้วหายขาดไปเลย หรืออาจกำเริบซ้ำ ๆ โดยเฉพาะเวลามีการติดเชื้อของทางเดินหายใจ รอยโรคอาจดูคล้ายผื่นพีอาร์ ซิฟิลิส ผื่นแพ้ยา

โซริอาซิสชนิดตุ่มเล็ก

    โซริอาซิสชนิดรอยพับ (inverse/flexural psoriasis) ลักษณะเป็นรอยแดง ผิวราบเรียบ มีขอบเขตชัดเจน ไม่มีเกล็ดเงิน พบที่รักแร้ ขาหนีบ ใต้นม ข้อพับต่าง ๆ และรอบ ๆ อวัยวะเพศ มักพบในผู้ที่น้ำหนักเกินหรืออ้วน อาการจะกำเริบมากขึ้นเมื่อมีเหงื่อออกหรือมีการเสียดสี รอยโรคดูคล้ายโรคสังคัง โรคเชื้อราแคนดิดา

    โซริอาซิสชนิดตุ่มหนอง (pustular psoriasis) ซึ่งพบได้น้อย ลักษณะขึ้นเป็นตุ่มน้ำขุ่นแบบตุ่มหนอง โดยไม่มีการติดเชื้อ (sterile pustule) แรกเริ่มจะขึ้นเป็นผื่นแดงเจ็บก่อน หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงก็จะพุขึ้นเป็นหนอง แล้วหายเองภายใน 1-2 วัน อาการอาจกำเริบ (เป็นวงจร ผื่นแดง-ตุ่มหนอง-ตกสะเก็ด) ได้ทุก ๆ 2-3 วัน หรือ 2-3 สัปดาห์ อาจเกิดเฉพาะที่ เช่น ฝ่ามือฝ่าเท้า ปลายนิ้วมือนิ้วเท้า หรือกระจายทั่วตัว ซึ่งอาจมีอาการไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย น้ำหนักลด คันมากร่วมด้วย รอยโรคดูคล้ายผิวหนังอักเสบที่มีการติดเชื้อแทรกซ้อนพุพอง

    โซริอาซิสชนิดแดงและเป็นเกล็ดทั่วตัว (erythrodermic psoriasis) ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้น้อยที่สุด ลักษณะเป็นผื่นแดงและมีเกล็ด คัน ปวดแสบปวดร้อน ขึ้นกระจายทั่วตัว ผู้ป่วยอาจเป็นโซริอาซิสชนิดปื้นหนามาก่อน แต่ควบคุมอาการได้ไม่ดี มักกำเริบเวลามีความเครียด เกิดบาดแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แพ้ยา หรือติดเชื้อ หรือหยุดยาสเตียรอยด์ที่เคยกินเป็นประจำ อาจมีภาวะแทรกซ้อนแบบบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก เช่น ภาวะขาดน้ำ การติดเชื้อ เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้


โซริอาซิสชนิดแดงและเป็นเกล็ดทั่วตัว

    โซริอาซิสชนิดเกิดที่หนังศีรษะ (scalp psoriasis) พบได้ประมาณร้อยละ 50 ของผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ อาจมีอาการเกิดขึ้นก่อนมีผื่นตามตัว ลักษณะเป็นผื่นแดงหนา ขอบเขตชัดเจน และมีเกล็ดเงินขึ้นตามแนวไรผม บางครั้งอาจลามมาที่หน้าผาก มักไม่มีอาการผมร่วง อาจมีอาการคัน เวลาเกาหนังศีรษะอาจมีเกล็ดหนังร่วงเกาะตามผมและไหล่ ลักษณะคล้ายรังแค โรคกลากที่ศีรษะ

    โซริอาซิสชนิดเกิดที่เล็บ (nail psoriasis) เกิดได้ทั้งที่เล็บมือเล็บเท้า มีอาการได้หลายลักษณะ เช่น มีจุดสีน้ำตาลใต้เล็บ เล็บเป็นหลุม เล็บขรุขระ เล็บแยกตัวออกจากเนื้อใต้เล็บ (onycholysis) ผิวใต้เล็บหนา (subungual keratosis) มักเกิดร่วมกับเนื้อเยื่อขอบเล็บอักเสบ (paronychia) บางครั้งอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราร่วมด้วย อาจทำให้เข้าใจว่าเป็นโรคกลากที่เล็บ โรคเชื้อราแคนดิดาที่เล็บ ในรายที่เป็นรุนแรงเนื้อเล็บจะเปื่อยยุ่ยถูกทำลาย


โซริอาซิสที่เล็บและข้อนิ้วเท้า

    ข้ออักเสบจากโซริอาซิส (psoriatic arthritis) พบได้ประมาณร้อยละ 5-15 ของผู้ป่วยโซริอาซิส ส่วนมากพบร่วมกับรอยโรคที่ผิวหนังเรื้อรัง ส่วนน้อยอาจมีอาการข้ออักเสบนำมาก่อนอาการที่ผิวหนัง มักพบที่ข้อนิ้วมือนิ้วเท้า ซึ่งมีลักษณะปวด บวม และข้อแข็ง คล้ายโรคปวดข้อรูมาตอยด์ บางรายอาจมีการอักเสบของข้อเข่า สะโพก และข้อกระดูกสันหลัง อาจเป็นเพียงข้อเดียวหรือหลายข้อพร้อมกันก็ได้ อาการข้ออักเสบอาจค่อย ๆ เป็นรุนแรงขึ้นจนข้อพิการในที่สุดก็ได้


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่มักไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง แต่เนื่องจากมีรอยโรคเรื้อรังและแลดูน่าเกลียด อาจทำให้ผู้ป่วยมีความเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า สูญเสียความเชื่อมั่นในตนเอง และกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและการออกสังคมได้

ในรายที่มีอาการคันมาก อาจเกาจนมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นรุนแรง เช่น โซริอาซิสชนิดตุ่มหนองแพร่กระจายทั่วไป หรือโซริอาซิสชนิดแดงและเป็นเกล็ดทั่วตัว อาจทำให้เกิดภาวะสูญเสียน้ำและเกลือแร่ และการติดเชื้อรุนแรงได้

ในรายที่เป็นข้ออักเสบอาจทำให้ข้อพิการ

ในรายที่เป็นที่เล็บอาจทำให้เล็บพิการ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ในรายที่อาการไม่ชัดเจนอาจต้องทำการตรวจชิ้นเนื้อ (biopsy) โดยการตัดเนื้อเยื่อผิวหนังส่งพิสูจน์


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาตามชนิดและความรุนแรงของโรค ซึ่งมีแนวทางดังนี้

1. สำหรับรอยโรคที่ผิวหนัง ในรายที่เป็นน้อย มีรอยโรคไม่กี่แห่ง จะให้ทาครีมสเตียรอยด์ เช่น ครีมไตรแอมซิไนโลนอะเซโทไนด์ หรือขี้ผึ้งน้ำมันดิน หรือโคลทาร์ (coal tar) ชนิด 1-5% หรืออาจใช้ทั้ง 2 อย่างสลับกัน เพื่อป้องกันการดื้อยา

ในรายที่เป็นมากขึ้น อาจหลีกเลี่ยงการใช้ครีมสเตียรอยด์ หรือใช้ทาเฉพาะบริเวณที่เป็นปื้นหนา บางครั้งแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยอาบแดด* (ช่วงเวลา 10.00-14.00 น.) เริ่มอาบด้านละ 5-10 นาทีก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มระยะนานขึ้น จนถึงขั้นทำให้เกิดรอยแดงเรื่อ ๆ ที่ผิวหนังภายใน 24 ชั่วโมงหลังอาบแดด (ส่วนใหญ่จะอาบแดดนานประมาณ 15-20 นาที) ทำประมาณสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยให้ผื่นยุบได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ ข้อควรระวังคือ อย่าอาบแดดนานเกินไป และควรใช้ผ้าคลุมหน้าป้องกันมิให้ผิวหน้าถูกแดดมากไป บางรายอาจแพ้แดดทำให้อาการกำเริบได้

บางรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่เป็นโซริอาซิสชนิดปื้นหนา แพทย์อาจให้ผู้ป่วยทาขี้ผึ้งแอนทราลิน (anthralin ointment) พร้อมกับการอาบแดด และโรงพยาบาลขนาดใหญ่อาจใช้วิธีฉายแสงอัลตราไวโอเลตบี (UVB) แทนการอาบแดดก็ได้ ถ้าได้ผลผื่นจะยุบภายใน 3-4 สัปดาห์ ข้อควรระวัง ยานี้อาจระคายเคือง ถ้าพบอาการระคายเคืองควรหยุดยา ยานี้ห้ามใช้ทาบนใบหน้า ข้อพับ และอวัยวะเพศ

บางกรณีแพทย์อาจเลือกใช้ยาทาชนิดอื่น เช่น calcipotriene ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของวิตามินดี tazarotene ซึ่งเป็นกลุ่มเรตินอยด์ (ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์) เป็นต้น โดยอาจใช้เดี่ยว ๆ หรือร่วมกับยาอื่น หรือร่วมกับการฉายแสงอัลตราไวโอเลต

นอกจากนี้จะให้การรักษาตามอาการ เช่น ถ้าผิวแห้งให้ทาด้วย petrolium liquid paraffin เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง ถ้าเกล็ดหนามากให้ยาละลายขุย (เช่น ครีมยูเรียหรือกรดซาลิไซลิก) ถ้าคันให้ยาแก้แพ้ ถ้าปวดหรือมีไข้ ให้ยาแก้ปวดลดไข้ เป็นต้น

2. สำหรับรอยโรคที่หนังศีรษะ ให้ผู้ป่วยสระผมด้วยแชมพูที่มีส่วนผสมของน้ำมันดิน (เช่น ทาร์แชมพู) สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ในรายที่มีขุยที่ศีรษะมาก อาจใช้โลชั่นที่เข้าสเตียรอยด์ (steroid scalp lotion) ทาวันละ 1-2 ครั้ง

3. สำหรับอาการข้ออักเสบ ให้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เพื่อบรรเทาอาการอักเสบ

4. ในรายที่เป็นรุนแรง หรือดื้อต่อการรักษา อาจต้องใช้ยาชนิดกิน เช่น การให้กินยาซอลาเรน (psolaren) ร่วมกับการฉายแสงอัลตราไวโอเลตเอ การให้กินยากลุ่มเรตินอยด์ เมโทเทรกเซต (methotrexate) หรือไซโคลสปอรีน (cyclosporine) วิธีการรักษาเหล่านี้ควรให้แพทย์โรคผิวหนังเป็นผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีผลข้างเคียงและข้อควรระวังของยาแต่ละชนิดต่าง ๆ กันไป

ในปัจจุบันมียาใหม่ มีผลข้างเคียงน้อย แต่ราคาแพง เช่น etanercept, infliximab เป็นต้น ซึ่งเป็นสารชีวภาพออกฤทธิ์ต้านอักเสบโดยยับยั้งการทำงานของลิมโฟไซต์ แพทย์อาจเลือกใช้ยากลุ่มนี้ในผู้ป่วยที่ใช้ยาอื่นไม่ได้ผล หรือมีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงที่ร้ายแรงของยาอื่น

*แสงแดดหรือแสงอัลตราไวโอเลต มีฤทธิ์ทำให้ลิมโฟไซต์ชนิด T cells ตาย ช่วยชะลอการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังลง รวมทั้งช่วยลดการเกิดเกล็ดเงิน และการอักเสบของผิวหนัง


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีผื่น ตุ่ม หรือรอยปื้นขึ้นตามผิวหนังหรือรอยพับ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโซริอาซิส ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าอดนอน หรือตรากตรำงานหนัก
    พยายามอย่าให้เกิดภาวะเครียด โดยการออกกำลังกาย ฝึกโยคะ ชี่กง รำมวยจีน ทำสมาธิ ทำงานอดิเรก เป็นต้น
    หลีกเลี่ยงการขีดข่วนถูกผิวหนัง
    งดการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
    ควรให้ผิวหนังได้ถูกแดด (อาบแดด) ตามคำแนะนำของแพทย์ (ผู้ที่แพ้แดดควรหลีกเลี่ยงการถูกแดด)
    หลีกเลี่ยงการกินยาหม้อที่มีสารหนู ซึ่งอาจทำให้อาการทุเลา แต่ถ้ากินติดต่อกันนาน ๆ อาจทำให้เป็นมะเร็งได้
    หลีกเลี่ยงการซื้อยาชุด และยาลูกกลอน (ที่มียาสเตียรอยด์ที่ผสม) มากินเอง แม้ว่าจะทำให้โรคทุเลา แต่เมื่อหยุดยาก็อาจทำให้โรคกำเริบรุนแรงได้ โดยทั่วไปแพทย์จะหลีกเลี่ยงการให้สเตียรอยด์ชนิดกินแก่ผู้ป่วย เพราะกลัวโรคกำเริบหลังการหยุดยา แต่จะให้ใช้สเตียรอยด์ชนิดทาหรือฉีดเข้าเฉพาะที่

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 1-2 สัปดาห์ 
    สงสัยมีภาวะแทรกซ้อน เช่น มีไข้สูง ผื่นตุ่มกลายเป็นหนอง มีผื่นตุ่มลุกลามมากขึ้น มีอาการปวดข้อ เล็บมีความผิดปกติ เป็นต้น
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ควรหาทางป้องกันไม่ให้โรคกำเริบรุนแรงด้วยการดูแลรักษากับแพทย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้โรคกำเริบ


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง โดยมีบางช่วงที่อาจหายดีเหมือนปกติ แต่สักพักหนึ่งก็กลับกำเริบขึ้นอีก บางรายอาจมีระยะสงบจากอาการนานเป็นปี ๆ แต่บางรายอาจกำเริบบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีภาวะเครียดทางร่างกายหรือจิตใจ ดังนั้นจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์คนใดคนหนึ่งอย่างต่อเนื่อง อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลบ่อย

2. โรคนี้แม้จะเป็นเรื้อรัง แต่มักจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง แม้จะมีรอยโรคแลดูน่าเกลียด แต่ก็ไม่ได้เป็นโรคติดต่ออย่างโรคเชื้อรา หรือโรคเรื้อน (บางคนเรียกชื่อโรคนี้ว่า โรคเรื้อนกวาง ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคเรื้อน) สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างใกล้ชิดได้ และก็ไม่ได้เป็นโรคร้ายแบบมะเร็ง หรือเอดส์ ดังนั้นจึงควรอธิบายให้ญาติพี่น้องของผู้ป่วยและคนทั่วไปเข้าใจ จะได้ให้การดูแลและให้กำลังใจแก่ผู้ป่วย อย่าแสดงความรังเกียจจนทำให้ผู้ป่วยรู้สึกมีปมด้อยหรือซึมเศร้า

3. ผู้ป่วยแต่ละรายอาจมีอาการและความรุนแรงแตกต่างกันไป อาจมีอาการเพียงชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือมากกว่า 1 ชนิด หรือเปลี่ยนชนิดไปมาก็ได้ บางรายอาจมีผื่นขึ้นเฉพาะที่ ไม่ลุกลามออกไป แต่บางรายอาจทวีความรุนแรงไปเรื่อย โดยทั่วไปถ้าเริ่มมีอาการครั้งแรกตอนอายุน้อย ก็มีโอกาสเกิดความรุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการเพียงเล็กน้อย สามารถรักษาด้วยการใช้ยาสเตียรอยด์ทาเป็นครั้งคราว สามารถทำงานและดำเนินชีวิตได้อย่างคนปกติทั่วไป

4. โรคนี้อาจแสดงอาการได้หลายแบบ และอาจคล้ายกับโรคผิวหนังอื่น ๆ เช่น กลาก โรคเชื้อราแคนดิดา ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ ผื่นพีอาร์ รังแค เป็นต้น ดังนั้นถ้าให้การดูแลรักษาโรคเหล่านี้ไม่ได้ผล ก็ควรจะนึกถึงโรคโซริอาซิส

5. โรงพยาบาลควรส่งเสริมให้กลุ่มผู้ป่วยได้พบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ในการดูแลตนเอง และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน หากเป็นไปได้ควรจัดให้ผู้ป่วยรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด

12
จัดฟันบางนา: ตรวจสอบก่อนทำ อัตราความสำเร็จ ในการฝังรากฟันเทียม

ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกว่า “การฝังรากฟันเทียม” เป็นหนึ่งในกระบวนการสร้างฟันเทียมทดแทนการสูญเสียฟันแท้ที่เสียไป โดยสมาคมทันตแพทย์ทั่วโลก ยกให้เป็นหนึ่งในความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีด้านทันตกรรมที่โดดเด่นที่สุด และประสบความสำเร็จที่สุดทางด้านของนวัตกรรมทางทันตกรรม อย่างไม่มีใครคาใจ

แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังมีทางเลือกคล้ายกันในการทดแทนฟันแท้ตามธรรมชาติที่สูญเสียไปก็คือ การทำสะพานฟัน และ การใส่ฟันปลอม แต่การฝังรากฟันเทียมก็ถือได้ว่าเป็นวิธีการที่สวยงามที่สุด และยังมีความสามารถในการทดแทนฟันแบบถาวรที่มีลักษณะเหมือนฟันจริงมากที่สุดอีกด้วย

ซึ่งในวันนี้จะมาขอไขข้อสงสัยที่หลายๆท่านได้ตั้งคำถามและอยากรู้เป็นอย่างมาก นั่นก็คือ อัตราความสำเร็จของการฝังรากฟันเทียม มีมากน้อยเพียงใด เพื่อทำความรู้จักกับการฝังรากฟันเทียมแบบเชิงลึกให้มากยิ่งขึ้น โดยมีรายละเอียดไว้ดังต่อไปนี้


อัตราความสำเร็จในการฝังรากฟันเทียม ?

จากการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องและเป็นทางการของ สมาคมศัลยแพทย์ช่องปากและใบหน้าขากรรไกร ประเทศสหรัฐอเมริกา (AAOMS) ได้กล่าวไว้อย่างน่าตกใจเกี่ยวกับอัตราความสำเร็จของการฝังรากฟันเทียมว่า ความสำเร็จในการฝังรากฟันเทียมนั้นจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของฟันเป็นสำคัญ โดยอัตราความสำเร็จโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 95% ในบุคคลธรรมดา แต่เนื่องจากว่าการฝังรากฟันเทียมนั้นจะต้องฝังลึกเข้าไปที่กระดูกขากรรไกร จึงไม่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยบางราย ซึ่งอัตราความสำเร็จก็จะลดน้อยลงไปด้วยในบุคคลบางกลุ่ม เช่น ในกลุ่มผู้ป่วยที่สูบบุหรี่เป็นประจำ กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยความเหมาะสมในการฝังรากฟันเทียมนั้น ทันตแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยว่ามีอัตราความสำเร็จมากน้อยเพียงใด และควรรับการรักษาด้วยวิธีการใดถึงจะเหมาะสมและดีที่สุดสำหรับผู้ป่วย


ข้อดีของการทำรากฟันเทียม ?

อย่างที่ทุกท่านทราบกันเป็นอย่างดีว่าการทำรากฟันเทียมนั้นจะให้ความรู้สึกและรูปลักษณ์ที่เหมือนกับฟันจริงตามธรรมชาติมากๆ จึงทำให้ผู้ที่ทำการฝังรากฟันเทียมรู้สึกเกิดความมั่นใจมากกว่าการใส่ฟันปลอมประเภทอื่นๆ ซึ่งหลายๆท่านที่สูญเสียฟันหน้าไปมักเกิดความอายไม่มั่นใจส่งผลให้เสียบุคลิก แต่หลังจากทำการฝังรากฟันเทียมแล้วก็จะกลับมามั่นใจได้อีกครั้ง แต่นอกเหนือจากเหตุผลด้านความสวยงามแล้ว การใส่รากฟันเทียมจะทำให้คนไข้สามารถรับประทานอาหารได้สะดวกไม่กังวลเหมือนการใส่ฟันปลอมแบบอื่น เพราะ การใส่รากฟันเทียมนั้นติดแน่นไม่ต่างจากฟันจริงตามธรรมชาติเลย เพราะ เสาไทเทเนียมที่ยึดติดในส่วนลึกของกระดูกขากรรไกร ทำให้ไม่เกิดการเคลื่อนที่หรือหลุดออกได้ง่ายแบบฟันปลอมปกติทั่วไป และที่สำคัญเลยคือ ไม่มีผลกระทบต่อฟันรอบข้าง เพราะไม่ใช่การยึดติดที่ต้องให้ฟันรอบข้างมาช่วยเหลือในการค้ำฟันเหมือนการทำสะพานฟันอีกด้วย


การดูแลหลังการใส่รากฟันเทียมที่ถูกต้อง ?

ต้องขอบอกเลยว่าการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปาก คือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในการฝังรากฟันเทียม ซึ่งไม่มีใครสามารถบอกได้เลยว่า รากฟันเทียม มีอายุการใช้งานกี่ปี แต่โดยเฉลี่ยที่ได้ทำการศึกษาวิจัยแล้ว รากฟันเทียมสามารถมีอายุการใช้งานถึง 10 ปี อยู่ที่ค่าเฉลี่ยประมาณ 90% และ สามารถมีอายุการใช้งานได้ถึง 15 ปี โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80%

ซึ่งการดูแลรักษาหลังจากที่ได้ทำการใส่รากฟันเทียมแล้วนั้น ถือว่าง่ายกว่าฟันปลอมแบบชนิดอื่นๆ เพราะ ให้คิดไว้เลยว่ารากฟันเทียมที่สวมใส่อยู่ คือ ฟันจริงตามธรรมชาติ โดยให้ทำการดูแลแบบเดียวกัน คือ แปรงฟันให้ถูกต้องและสะอาดทั่วถึง วันละ 2 ครั้ง (ตื่นนอน – ก่อนนอน) และให้ทำการใช้ไหมขัดฟันทุกวันหลังจากแปรงฟันก่อนนอนเสร็จแล้ว พยายามไม่กัดของที่แข็งมากๆ เช่น น้ำแข็ง เศษหินเศษกรวดในข้าว กระดูกอ่อน เป็นต้น เพราะต่อให้ฟันที่แข็งแรงเพียงใด หากกัดสิ่งของที่แข็งก็จะเสื่อมสภาพได้ง่ายและโดยเร็วได้นั่นเอง

หลังจากที่ได้ทำการฝังรากฟันเทียมมาใหม่ๆ ประมาณ 1 เดือน ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีความแข็งและเหนียว ให้พยายามรับประทานของอ่อนๆ และที่สำคัญพบทันตแพทย์ให้ครบทุกครั้งที่มีการนัดหมาย รวมถึงตรวจสุขภาพช่องปากทุกๆ  6 เดือนเป็นอย่างน้อย เพียงเท่านี้ท่านจะหมดปัญหาในช่องปากเพิ่มขึ้นและยืดอายุของรากฟันเทียมได้อีกนาน

13
จัดฟันบางนา: วิธีรับมือกับ “ฟันหัก” ให้ถูกต้อง ?

ฟันหัก คืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับฟันอย่างรุนแรง โดยสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย และทุกครั้งเมื่อประสบอุบัติเหตุฟันหักมักมีอาการตื่นตกใจ จนไม่สามารถตั้งสติได้ว่าควรจะทำอะไรก่อน และอาจจะเป็นเหตุให้การรักษาของทันตแพทย์ยากขึ้นไปอีก จึงจำเป็นอย่างมากที่ท่านผู้อ่านจำเป็นจะต้องเรียนรู้วิธีการแก้ไขเมื่อเกิดฟันหักได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องสูญเสียฟันแท้ตามธรรมชาติที่สวยงามไปนั่นเอง

ในวันนี้จะขอพาท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับ วิธีป้องกัน ดูแล และแก้ไข เมื่อเกิดอุบัติเหตุฟันหัก ด้วยขั้นตอนและวิธีที่ถูกต้องดังต่อไปนี้


ฟันหักเกิดขึ้นได้อย่างไร ?

ต้องบอกเลยว่าโดยปกติแล้ว เคลือบฟันเป็นส่วนที่มีความแข็งแรงมากๆ ที่คอยปกป้องฟันจากอันตรายต่างๆ ไม่ให้เกิดการหักได้ง่ายๆ โดยมีแร่ธาตุต่างๆ เป็นส่วนผสมในความแข็งแรง แต่ถึงอย่างไรก็ตามความแข็งแรงของเคลือบฟันก็ถือว่ามีขีดจำกัดเช่นกัน หากว่ามีการกระทบกระเทือนกระแทกที่รุนแรงมากๆ เช่น การหกล้มและฟันไปกระแทกพื้นรุนแรง หรือถูกกระแทกอย่างรุนแรงด้วยของแข็งที่ฟัน หรือการกัดแทะของที่มีความแข็งมากๆ ก็อาจจะทำให้เกิดฟันหักได้ ซึ่งฟันนั้นจะหักง่ายมากเข้าไปอีกสำหรับผู้ที่มีฟันผุร่วมด้วย


เมื่อฟันหักควรทำอย่างไร ?

การรักษาฟันหักจะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ หากว่าฟันหักเพียงบางส่วนเล็กน้อยก็สามารถที่จะทำการรักษาได้ทันที แต่ถ้าหากว่ามีความเสียหายรุนแรงหนักจนถึงเส้นประสาทฟัน ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็จำเป็นที่จะต้องทำการรักษารากฟันก่อนเป็นอันดับแรก โดยในเบื้องต้นนี้หากว่าท่านเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นฟันหัก ควรปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้

– สำหรับขั้นตอนแรกเลยถ้าหากว่าเริ่มมีอาการปวดหลังจากที่ประสบอุบัติเหตุฟันหักควรรับประทานยาแก้ปวด และบ้วนปากด้วยน้ำเกลือเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อเบื้องต้น

–  หากว่าจำเป็นที่จะต้องรับประทานอาหาร ให้ทำการหลีกเลี่ยงการกัดหรือบดเคี้ยวอาหารบริเวณที่ฟันหัก หรือควรรับประทานอาหารที่ไม่ต้องใช้แรงในการบดเคี้ยว เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก หรืออาหารนุ่มๆต่างๆ

– หากว่าในขณะที่กำลังจะไปพบทันตแพทย์หลังจากประสบอุบัติเหตุฟันหัก โดยฟันที่หักมีลักษณะแหลมคม ให้ทำการนำหมากฝรั่งไร้น้ำตาลมาคลุมในส่วนที่ฟันหัก เพื่อไม่ให้ฟันซี่ที่หักไปบาดลิ้นหรือบาดเนื้อเยื่อในช่องปาก

– เมื่อเกิดอุบัติเหตุฟันหัก ควรรีบหาเศษฟันที่หักให้เจอโดยเร็วที่สุด และทำความสะอาดให้เรียบร้อย พร้อมกับให้ทำการแช่ฟันที่หักไว้ในนมจืด เพื่อเป็นการรักษาสภาพฟัน และให้รีบไปหาทันตแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะหากว่าทันเวลาอาจจะใช้กาวต่อฟันในการรักษาเพื่อใส่ฟันที่หักกลับคืนไปเป็นเหมือนเดิมได้ แต่ถ้าหากว่าหาเศษฟันที่หักไม่พบ ทันตแพทย์อาจจำเป็นต้องใช้การซ่อมแซมด้วยวัสดุอุดฟัน หรือทำการครอบฟัน

– ถ้าหากว่าผู้ที่ประสบอุบัติเหตุฟันหักเป็นเด็กเล็ก ที่ฟันยังเป็นฟันน้ำนมอยู่ขอบอกเลยว่านี่คือเรื่องสำคัญมากที่ห้ามละเลยโดยเด็ดขาด เพราะ การสูญเสียฟันน้ำนมก่อนเวลาที่เหมาะสมอาจจะส่งผลให้เด็กมีปัญหาเรื่องการออกเสียง การรับประทานอาหาร รวมถึงสุขภาพช่องปากในอนาคตหากว่าไม่รีบทำการแก้ไข ดังนั้นหากว่าฟันน้ำนมของเด็กเล็กๆหัก ผู้ปกครองควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากพบว่าเริ่มมีอาการปวดบวม หรือฟันเริ่มเปลี่ยนสีผิดปกติ หรือมีไข้ขึ้นอย่างรวดเร็ว ให้รีบเข้าพบทันตแพทย์โดยเร็วที่สุด แต่หากในกรณีที่มีอาการเลือดไหลออกมาด้วยในบริเวณฟันซี่ที่หัก ให้นำผ้าก๊อซมากดห้ามเลือด และใช้ถุงน้ำแข็งมาประคบเพื่อลดอาการบวม และให้รับประทานยาแก้ปวดสำหรับเด็กตามความเหมาะสม

ซึ่งการรักษาอาการฟันหักในเด็กเล็กที่ยังเป็นฟันน้ำนมทันตแพทย์จะนัดเพื่อตรวจดูอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นเป็นระยะๆ และอาจจะซ่อมแซมด้วยวัสดุทางทันตกรรม แต่ถ้าหากว่าฟันที่หักมีอาการโยกผิดปกติ ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจจะต้องทำการถอนฟันซี่นั้นออก เพื่อไม่ให้เกิดการหลุดในขณะที่นอนหลับหรือตอนทำกิจกรรมต่างๆเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสำลักเมื่อเกิดฟันหลุดจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ทั้งหมดที่กล่าวมาก็คือวิธีที่ควรทำเมื่อเกิดอุบัติเหตุฟันหัก เพราะ บางทีเมื่อทำได้อย่างถูกต้องตามขั้นตอนตามวิธีที่แนะนำ อาจจะทำให้การรักษานั้นง่ายขึ้น และท่านอาจจะไม่จำเป็นต้องสูญเสียฟันแท้ที่สวยงามตามธรรมชาติไปนั่นเอง



14
7 แนวทางตกแต่งภายในบ้านยุคใหม่ ของตกแต่งบ้านตอบโจทย์การอยู่อาศัยของทุกวัย

ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้การตกแต่งภายในบ้านต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะบ้านที่มีสมาชิกทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ ลองดู 7 แนวทางนี้ที่จะช่วยให้บ้านของคุณเป็นพื้นที่ที่ลงตัวและน่าอยู่สำหรับทุกคนค่ะ

1. ออกแบบพื้นที่เปิดโล่ง (Open Plan)
การทลายกำแพงกั้นระหว่างห้อง เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องครัว และห้องรับประทานอาหาร จะช่วยให้บ้านดูกว้างขวางและโปร่งสบายขึ้น ทำให้ทุกคนในบ้านสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้สะดวก อีกทั้งยังช่วยให้ผู้สูงอายุหรือเด็กอยู่ในสายตาของผู้ดูแลได้ง่ายขึ้น


2. ใช้โทนสีที่เป็นกลาง
การเลือกใช้โทนสีอ่อนๆ อย่างสีขาว, สีเบจ, หรือสีเทาอ่อน จะช่วยให้บ้านดูสะอาดตาและทันสมัย นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มสีสันได้ง่ายๆ ด้วยของตกแต่งหรือหมอนอิง ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนบรรยากาศได้ตามต้องการ และยังช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกสงบสบายตา


3. เน้นการจัดเก็บที่เป็นระเบียบ
การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันการจัดเก็บที่หลากหลาย เช่น ตู้เก็บของบิวต์อิน (Built-in) หรือชั้นวางของติดผนัง จะช่วยให้บ้านดูเรียบร้อยและมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กเล็กและผู้สูงอายุได้


4. จัดแสงสว่างให้เพียงพอและทั่วถึง
แสงสว่างเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกวัย ควรมีการผสมผสานกันระหว่างแสงธรรมชาติและแสงจากหลอดไฟ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ใช้งานบ่อย ควรมีแสงสว่างที่เพียงพอเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และสามารถติดตั้งไฟหรี่เพื่อปรับระดับแสงในห้องนอนให้เหมาะสม


5. คำนึงถึงหลักการ Universal Design
การออกแบบเพื่อคนทุกวัยและทุกสภาพร่างกาย เช่น การติดตั้งราวจับในห้องน้ำและทางเดิน, การทำทางลาดสำหรับรถเข็น และการเลือกใช้พื้นผิวที่ไม่ลื่น จะช่วยให้ผู้สูงอายุและเด็กเล็กสามารถใช้ชีวิตในบ้านได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย


6. เพิ่มพื้นที่สีเขียวในบ้าน
การนำต้นไม้มาตกแต่งในบ้านจะช่วยเพิ่มความสดชื่นและทำให้บรรยากาศน่าอยู่มากขึ้น นอกจากจะช่วยฟอกอากาศแล้ว ยังทำให้ทุกคนในบ้านได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น และยังเป็นกิจกรรมยามว่างสำหรับผู้สูงอายุได้อีกด้วย


7. เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่แข็งแรงและปลอดภัย
ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีมุมโค้งมนและไม่มีเหลี่ยมคมเพื่อความปลอดภัยของเด็กเล็กและผู้สูงอายุ นอกจากนี้ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง เพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและจัดวาง

15
วัดถ้ำเขาเต่า วัดสวย ไหว้พระทำบุญ ประจวบคีรีขันธ์ พิกัดวิวสวย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ครบ

วัดถ้ำเขาเต่าเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเชิงเขาในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ติดกับทะเลและอ่างเก็บน้ำเขาเต่า ทำให้มีทิวทัศน์ที่สวยงาม


จุดเด่นและสิ่งศักดิ์สิทธิ์:

พระพุทธศากยชินมหาราช: พระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่บนยอดสูงสุดของวัด หันหน้าออกสู่ทะเล

พระโพธิสัตว์กวนอิม, พระสังกัจจายน์, พระยูไล: มีรูปปั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กราบไหว้ขอพร

พระบรมสารีริกธาตุ: บางแหล่งข้อมูลระบุว่ามีพระบรมสารีริกธาตุให้สักการะ

จุดชมวิว: สามารถมองเห็นวิวทะเลหาดเขาเต่า เกาะสิงโต และสวนสนประดิพัทธ์ได้อย่างชัดเจน


ข้อควรรู้:

วัดตั้งอยู่ตรงข้ามกับชายหาดเขาเต่า

ด้านล่างวัดมีของขาย เช่น ขนมถ้วย อาหารทะเลแห้ง และของฝาก

สามารถเดินไปตามชายหาดเล็กๆ ที่เรียกว่า หาดทรายน้อย ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเขาเต่าได้

หน้า: [1] 2 3 ... 51
ลงประกาศฟรี โฆษณาฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทสินค้าฟรี เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google