1
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
หน้า: [1] 2
6
อสังหา / กระติกน้ำร้อน ประหยัดไฟ
« เมื่อ: 28ตุลาคม2023, 15:26:35pm »
กระติกน้ำร้อน เป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่พบได้ทั่วไปในครัวเรือน ช่วยให้เราสามารถมีน้ำร้อนไว้ใช้ได้สะดวกและรวดเร็ว แต่กระติกน้ำร้อนก็เป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้าสูงเช่นกัน หากเราใช้กระติกน้ำร้อนอย่างไม่ประหยัดไฟ ก็อาจทำให้ค่าไฟของเราพุ่งสูงขึ้นได้ เลือกซื้อ กระติกน้ำร้อน ยี่ห้อไหนดี โดยพิจารณาดังนี้
เลือกกระติกน้ำร้อนประหยัดไฟ
วิธีประหยัดไฟที่ง่ายที่สุดคือการเลือกใช้กระติกน้ำร้อนที่ประหยัดไฟ โดยกระติกน้ำร้อนประหยัดไฟจะมีฉลากแสดงค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (EER) อยู่ในระดับสูง โดยทั่วไปแล้ว กระติกน้ำร้อนที่มีค่า EER มากกว่า 6.0 จะถือว่าประหยัดไฟ
นอกจากนี้ กระติกน้ำร้อนที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ก็ถือว่าประหยัดไฟเช่นกัน
ถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน
วิธีประหยัดไฟที่ง่ายที่สุดอีกวิธีหนึ่งคือการถอดปลั๊กกระติกน้ำร้อนเมื่อไม่ใช้งาน เพราะหากเราเสียบปลั๊กทิ้งไว้ตลอดเวลา กระติกน้ำร้อนก็จะยังคงทำงานอยู่และสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า
ใช้น้ำอุณหภูมิห้องในการต้ม
การต้มน้ำเย็นจะสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากกว่าการต้มน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนอยู่แล้ว ดังนั้น หากเป็นไปได้ ควรใช้น้ำอุณหภูมิห้องในการต้มแทน
เลือกขนาดกระติกน้ำร้อนให้เหมาะสมกับการใช้งาน
หากเลือกกระติกน้ำร้อนที่มีขนาดใหญ่เกินไป ก็จะสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากกว่ากระติกน้ำร้อนที่มีขนาดเล็กกว่า เพราะต้องใช้เวลาในการต้มน้ำนานขึ้น
ทำความสะอาดกระติกน้ำร้อนเป็นประจำ
เศษอาหารหรือคราบสกปรกที่ติดอยู่ภายในกระติกน้ำร้อนอาจทำให้ประสิทธิภาพในการต้มน้ำลดลงและสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ดังนั้น ควรทำความสะอาดกระติกน้ำร้อนเป็นประจำ
นอกจากวิธีข้างต้นแล้ว ยังมีวิธีประหยัดไฟอื่น ๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้ เช่น
เลือกกระติกน้ำร้อนที่มีระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อน้ำเดือด
เลือกกระติกน้ำร้อนที่มีระบบรักษาอุณหภูมิ
เลือกกระติกน้ำร้อนที่มีฉนวนกันความร้อนที่ดี
สรุป
การใช้กระติกน้ำร้อนให้ประหยัดไฟไม่ใช่เรื่องยาก เพียงทำตามวิธีข้างต้น ก็จะช่วยให้คุณประหยัดเงินและประหยัดโลกไปพร้อม ๆ กัน
เลือกกระติกน้ำร้อนประหยัดไฟ
วิธีประหยัดไฟที่ง่ายที่สุดคือการเลือกใช้กระติกน้ำร้อนที่ประหยัดไฟ โดยกระติกน้ำร้อนประหยัดไฟจะมีฉลากแสดงค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (EER) อยู่ในระดับสูง โดยทั่วไปแล้ว กระติกน้ำร้อนที่มีค่า EER มากกว่า 6.0 จะถือว่าประหยัดไฟ
นอกจากนี้ กระติกน้ำร้อนที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ก็ถือว่าประหยัดไฟเช่นกัน
ถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน
วิธีประหยัดไฟที่ง่ายที่สุดอีกวิธีหนึ่งคือการถอดปลั๊กกระติกน้ำร้อนเมื่อไม่ใช้งาน เพราะหากเราเสียบปลั๊กทิ้งไว้ตลอดเวลา กระติกน้ำร้อนก็จะยังคงทำงานอยู่และสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า
ใช้น้ำอุณหภูมิห้องในการต้ม
การต้มน้ำเย็นจะสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากกว่าการต้มน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนอยู่แล้ว ดังนั้น หากเป็นไปได้ ควรใช้น้ำอุณหภูมิห้องในการต้มแทน
เลือกขนาดกระติกน้ำร้อนให้เหมาะสมกับการใช้งาน
หากเลือกกระติกน้ำร้อนที่มีขนาดใหญ่เกินไป ก็จะสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากกว่ากระติกน้ำร้อนที่มีขนาดเล็กกว่า เพราะต้องใช้เวลาในการต้มน้ำนานขึ้น
ทำความสะอาดกระติกน้ำร้อนเป็นประจำ
เศษอาหารหรือคราบสกปรกที่ติดอยู่ภายในกระติกน้ำร้อนอาจทำให้ประสิทธิภาพในการต้มน้ำลดลงและสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ดังนั้น ควรทำความสะอาดกระติกน้ำร้อนเป็นประจำ
นอกจากวิธีข้างต้นแล้ว ยังมีวิธีประหยัดไฟอื่น ๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้ เช่น
เลือกกระติกน้ำร้อนที่มีระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อน้ำเดือด
เลือกกระติกน้ำร้อนที่มีระบบรักษาอุณหภูมิ
เลือกกระติกน้ำร้อนที่มีฉนวนกันความร้อนที่ดี
สรุป
การใช้กระติกน้ำร้อนให้ประหยัดไฟไม่ใช่เรื่องยาก เพียงทำตามวิธีข้างต้น ก็จะช่วยให้คุณประหยัดเงินและประหยัดโลกไปพร้อม ๆ กัน
7
อสังหา / หม้อหุงข้าว เคล็ดลับหุงข้าวให้อร่อย
« เมื่อ: 28ตุลาคม2023, 15:22:26pm »
ข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทยมาช้านาน การหุงข้าวให้อร่อยจึงเป็นเรื่องสำคัญ หม้อหุงข้าว จึงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขาดไม่ได้ในครัวเรือนไทย ในปัจจุบันมีหม้อหุงข้าวให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อและหลายรุ่น หม้อหุงข้าว ยี่ห้อไหนดี การเลือกซื้อแต่ละรุ่นก็มีฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้ได้ข้าวสวย นุ่ม อร่อย วันนี้เราจะมาแนะนำเคล็ดลับหุงข้าวให้อร่อยด้วยหม้อหุงข้าว
การเลือกข้าว
ข้าวเป็นปัจจัยสำคัญในการหุงข้าวให้อร่อย การเลือกข้าวที่ดีจะช่วยให้ได้ข้าวสวย นุ่ม อร่อย โดยทั่วไปแล้ว ข้าวที่นิยมนำมาหุงคือข้าวหอมมะลิและข้าวขาว ข้าวหอมมะลิจะมีกลิ่นหอม รสชาติดี แต่ราคาจะสูงกว่าข้าวขาว ข้าวขาวจะมีรสชาติจืดกว่าข้าวหอมมะลิ แต่ราคาถูกกว่า
การซาวข้าว
การซาวข้าวเป็นขั้นตอนสำคัญในการขจัดสิ่งสกปรกออกจากข้าว ช่วยให้ข้าวสะอาด นุ่ม อร่อยยิ่งขึ้น วิธีการซาวข้าวให้ถูกต้องคือ ล้างข้าวด้วยน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง ซาวข้าวจนน้ำใส ไม่ควรซาวข้าวจนข้าวเละ เพราะจะทำให้ข้าวเสียรสชาติ
อัตราส่วนข้าวและน้ำ
อัตราส่วนข้าวและน้ำที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ข้าวสวย นุ่ม อร่อย โดยทั่วไปแล้ว อัตราส่วนข้าวและน้ำคือ 1:1.25 หรือ 1:1.5 ขึ้นอยู่กับชนิดของข้าว ข้าวหอมมะลิจะใช้อัตราส่วนข้าวและน้ำ 1:1.25 ส่วนข้าวขาวจะใช้อัตราส่วนข้าวและน้ำ 1:1.5
เคล็ดลับหุงข้าวให้อร่อย
นอกจากการเลือกข้าว การซาวข้าว และอัตราส่วนข้าวและน้ำแล้ว ยังมีเคล็ดลับหุงข้าวให้อร่อยอีกมากมาย ดังนี้
แช่ข้าวก่อนหุง การแช่ข้าวก่อนหุงจะช่วยให้ข้าวสุกเร็วขึ้น และช่วยให้ข้าวนุ่ม อร่อยยิ่งขึ้น ระยะเวลาในการแช่ข้าวที่เหมาะสมคือ 30 นาที - 1 ชั่วโมง
ใส่น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวจะช่วยป้องกันไม่ให้ข้าวแฉะ และช่วยให้ข้าวมีกลิ่นหอมยิ่งขึ้น ใส่น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวประมาณ 3-4 หยดต่อข้าว 1 ถ้วยตวง
ใส่น้ำมันพืช น้ำมันพืชจะช่วยให้ข้าวนุ่ม มัน และเคี้ยวเพลิน ใส่น้ำมันพืชประมาณ 1 ช้อนโต๊ะต่อข้าว 1 ถ้วยตวง
ใส่เกลือเล็กน้อย เกลือจะช่วยเพิ่มรสชาติให้กับข้าว ใส่เกลือเล็กน้อยเพียงปลายหยิบมือ
หุงข้าวด้วยไฟแรง การหุงข้าวด้วยไฟแรงจะช่วยให้ข้าวสุกเร็วขึ้น และช่วยให้ข้าวร่วน อร่อยยิ่งขึ้น
ปิดฝาหม้อหุงข้าวให้สนิท การปิดฝาหม้อหุงข้าวให้สนิทจะช่วยให้ข้าวสุกทั่วถึง และช่วยให้ข้าวมีกลิ่นหอมยิ่งขึ้น
วิธีหุงข้าวด้วยหม้อหุงข้าว
นำข้าวมาซาวด้วยน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง ซาวข้าวจนน้ำใส
ใส่ข้าวลงในหม้อหุงข้าว
ใส่น้ำตามอัตราส่วนข้าวและน้ำที่เหมาะสม
ใส่น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว น้ำมันพืช และเกลือเล็กน้อยตามต้องการ
ปิดฝาหม้อหุงข้าว
กดปุ่มหุงข้าว
เมื่อหม้อหุงข้าวทำงานเสร็จแล้ว ให้รอสักครู่ก่อนเปิดฝาหม้อ
ข้อควรระวังในการหุงข้าว
ไม่ควรหุงข้าวด้วยไฟแรงนานเกินไป เพราะจะทำให้ข้าวแฉะ
ไม่ควรเปิดฝาหม้อหุงข้าวบ่อยๆ เพราะจะทำให้ความร้อนระบายออก ข้าวจะสุกไม่ทั่วถึง
ไม่ควรหุงข้าวซ้ำ เพราะจะทำให้ข้าวแข็งและเสียรสชาติ
การเลือกข้าว
ข้าวเป็นปัจจัยสำคัญในการหุงข้าวให้อร่อย การเลือกข้าวที่ดีจะช่วยให้ได้ข้าวสวย นุ่ม อร่อย โดยทั่วไปแล้ว ข้าวที่นิยมนำมาหุงคือข้าวหอมมะลิและข้าวขาว ข้าวหอมมะลิจะมีกลิ่นหอม รสชาติดี แต่ราคาจะสูงกว่าข้าวขาว ข้าวขาวจะมีรสชาติจืดกว่าข้าวหอมมะลิ แต่ราคาถูกกว่า
การซาวข้าว
การซาวข้าวเป็นขั้นตอนสำคัญในการขจัดสิ่งสกปรกออกจากข้าว ช่วยให้ข้าวสะอาด นุ่ม อร่อยยิ่งขึ้น วิธีการซาวข้าวให้ถูกต้องคือ ล้างข้าวด้วยน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง ซาวข้าวจนน้ำใส ไม่ควรซาวข้าวจนข้าวเละ เพราะจะทำให้ข้าวเสียรสชาติ
อัตราส่วนข้าวและน้ำ
อัตราส่วนข้าวและน้ำที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ข้าวสวย นุ่ม อร่อย โดยทั่วไปแล้ว อัตราส่วนข้าวและน้ำคือ 1:1.25 หรือ 1:1.5 ขึ้นอยู่กับชนิดของข้าว ข้าวหอมมะลิจะใช้อัตราส่วนข้าวและน้ำ 1:1.25 ส่วนข้าวขาวจะใช้อัตราส่วนข้าวและน้ำ 1:1.5
เคล็ดลับหุงข้าวให้อร่อย
นอกจากการเลือกข้าว การซาวข้าว และอัตราส่วนข้าวและน้ำแล้ว ยังมีเคล็ดลับหุงข้าวให้อร่อยอีกมากมาย ดังนี้
แช่ข้าวก่อนหุง การแช่ข้าวก่อนหุงจะช่วยให้ข้าวสุกเร็วขึ้น และช่วยให้ข้าวนุ่ม อร่อยยิ่งขึ้น ระยะเวลาในการแช่ข้าวที่เหมาะสมคือ 30 นาที - 1 ชั่วโมง
ใส่น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวจะช่วยป้องกันไม่ให้ข้าวแฉะ และช่วยให้ข้าวมีกลิ่นหอมยิ่งขึ้น ใส่น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวประมาณ 3-4 หยดต่อข้าว 1 ถ้วยตวง
ใส่น้ำมันพืช น้ำมันพืชจะช่วยให้ข้าวนุ่ม มัน และเคี้ยวเพลิน ใส่น้ำมันพืชประมาณ 1 ช้อนโต๊ะต่อข้าว 1 ถ้วยตวง
ใส่เกลือเล็กน้อย เกลือจะช่วยเพิ่มรสชาติให้กับข้าว ใส่เกลือเล็กน้อยเพียงปลายหยิบมือ
หุงข้าวด้วยไฟแรง การหุงข้าวด้วยไฟแรงจะช่วยให้ข้าวสุกเร็วขึ้น และช่วยให้ข้าวร่วน อร่อยยิ่งขึ้น
ปิดฝาหม้อหุงข้าวให้สนิท การปิดฝาหม้อหุงข้าวให้สนิทจะช่วยให้ข้าวสุกทั่วถึง และช่วยให้ข้าวมีกลิ่นหอมยิ่งขึ้น
วิธีหุงข้าวด้วยหม้อหุงข้าว
นำข้าวมาซาวด้วยน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง ซาวข้าวจนน้ำใส
ใส่ข้าวลงในหม้อหุงข้าว
ใส่น้ำตามอัตราส่วนข้าวและน้ำที่เหมาะสม
ใส่น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว น้ำมันพืช และเกลือเล็กน้อยตามต้องการ
ปิดฝาหม้อหุงข้าว
กดปุ่มหุงข้าว
เมื่อหม้อหุงข้าวทำงานเสร็จแล้ว ให้รอสักครู่ก่อนเปิดฝาหม้อ
ข้อควรระวังในการหุงข้าว
ไม่ควรหุงข้าวด้วยไฟแรงนานเกินไป เพราะจะทำให้ข้าวแฉะ
ไม่ควรเปิดฝาหม้อหุงข้าวบ่อยๆ เพราะจะทำให้ความร้อนระบายออก ข้าวจะสุกไม่ทั่วถึง
ไม่ควรหุงข้าวซ้ำ เพราะจะทำให้ข้าวแข็งและเสียรสชาติ
8
อสังหา / Re: หม้อทอดไร้น้ำมัน ทางเลือกใหม่ของคนรักสุขภาพ
« เมื่อ: 28ตุลาคม2023, 15:16:42pm »
ขอบคุณพื้นที่ดีๆ สำหรับการโปรโมท ยี่ห้อไหนดี
9
อสังหา / Re: เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ปลอดภัยไร้ควันไฟ
« เมื่อ: 28ตุลาคม2023, 15:16:23pm »
ขอบคุณพื้นที่ดีๆ สำหรับการโปรโมท ยี่ห้อไหนดี
10
อสังหา / Re: ไมโครเวฟ อุปกรณ์ครัวที่ขาดไม่ได้
« เมื่อ: 28ตุลาคม2023, 15:16:01pm »
ขอบคุณพื้นที่ดีๆ สำหรับการโปรโมท ยี่ห้อไหนดี
14
อสังหา / เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ปลอดภัยไร้ควันไฟ
« เมื่อ: 23ตุลาคม2023, 15:11:56pm »
เตาแม่เหล็กไฟฟ้า (Induction Cooker) เป็นเตาไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ เช่น ความร้อนเร็ว ประหยัดพลังงาน ปลอดภัยไร้ควันไฟ และใช้งานง่าย
หลักการทำงานของเตาแม่เหล็กไฟฟ้า
เตาแม่เหล็กไฟฟ้าทำงานโดยใช้หลักการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า โดยสร้างสนามแม่เหล็กความถี่สูงประมาณ 40 KHz ผ่านขดลวดเหนี่ยวนำที่อยู่ใต้หน้าเตา เมื่อภาชนะที่มีส่วนผสมของเหล็กหรือโลหะนำไฟฟ้าวางอยู่บนหน้าเตา สนามแม่เหล็กจะเหนี่ยวนำให้เกิดกระแสไฟฟ้าในภาชนะ ทำให้ภาชนะร้อนขึ้น โดยไม่ทำให้หน้าเตาร้อนขึ้น
ความปลอดภัยของเตาแม่เหล็กไฟฟ้า
เตาแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นเตาที่ปลอดภัยต่อการใช้งาน เนื่องจากไม่มีเปลวไฟหรือความร้อนแผ่ออกมาจากหน้าเตา ทำให้ไม่เกิดควันไฟและอันตรายจากอัคคีภัย นอกจากนี้ เตาแม่เหล็กไฟฟ้ายังมีระบบความปลอดภัยหลายประการ เช่น ระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อไม่มีภาชนะวางอยู่ เพื่อป้องกันความร้อนสูงเกินไป และระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อเตาร้อนจัดเกินไป เพื่อป้องกันความเสียหายของเตา
ข้อควรระวังในการใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้า
ควรใช้ภาชนะที่เหมาะกับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าเท่านั้น โดยภาชนะต้องผลิตจากวัสดุที่มีส่วนผสมของเหล็กหรือโลหะนำไฟฟ้า เช่น เหล็กหล่อ สแตนเลส หรือหม้ออลูมิเนียมแบบเคลือบสารกันติด
ไม่ควรวางภาชนะเปล่าลงบนหน้าเตา เนื่องจากอาจทำให้เตาเสียหายได้
ไม่ควรวางวัตถุโลหะลงบนหน้าเตา เนื่องจากอาจเกิดการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กและทำให้เกิดความร้อนสูง
ไม่ควรใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าใกล้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากอาจเกิดการรบกวนสัญญาณได้
สรุป
เลือกซื้อ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี เลือกเตาไฟฟ้าที่ปลอดภัยต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสุขภาพ โดยควรศึกษาข้อควรระวังในการใช้เตาอย่างละเอียดก่อนการใช้งาน
หลักการทำงานของเตาแม่เหล็กไฟฟ้า
เตาแม่เหล็กไฟฟ้าทำงานโดยใช้หลักการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า โดยสร้างสนามแม่เหล็กความถี่สูงประมาณ 40 KHz ผ่านขดลวดเหนี่ยวนำที่อยู่ใต้หน้าเตา เมื่อภาชนะที่มีส่วนผสมของเหล็กหรือโลหะนำไฟฟ้าวางอยู่บนหน้าเตา สนามแม่เหล็กจะเหนี่ยวนำให้เกิดกระแสไฟฟ้าในภาชนะ ทำให้ภาชนะร้อนขึ้น โดยไม่ทำให้หน้าเตาร้อนขึ้น
ความปลอดภัยของเตาแม่เหล็กไฟฟ้า
เตาแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นเตาที่ปลอดภัยต่อการใช้งาน เนื่องจากไม่มีเปลวไฟหรือความร้อนแผ่ออกมาจากหน้าเตา ทำให้ไม่เกิดควันไฟและอันตรายจากอัคคีภัย นอกจากนี้ เตาแม่เหล็กไฟฟ้ายังมีระบบความปลอดภัยหลายประการ เช่น ระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อไม่มีภาชนะวางอยู่ เพื่อป้องกันความร้อนสูงเกินไป และระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อเตาร้อนจัดเกินไป เพื่อป้องกันความเสียหายของเตา
ข้อควรระวังในการใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้า
ควรใช้ภาชนะที่เหมาะกับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าเท่านั้น โดยภาชนะต้องผลิตจากวัสดุที่มีส่วนผสมของเหล็กหรือโลหะนำไฟฟ้า เช่น เหล็กหล่อ สแตนเลส หรือหม้ออลูมิเนียมแบบเคลือบสารกันติด
ไม่ควรวางภาชนะเปล่าลงบนหน้าเตา เนื่องจากอาจทำให้เตาเสียหายได้
ไม่ควรวางวัตถุโลหะลงบนหน้าเตา เนื่องจากอาจเกิดการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กและทำให้เกิดความร้อนสูง
ไม่ควรใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าใกล้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากอาจเกิดการรบกวนสัญญาณได้
สรุป
เลือกซื้อ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี เลือกเตาไฟฟ้าที่ปลอดภัยต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสุขภาพ โดยควรศึกษาข้อควรระวังในการใช้เตาอย่างละเอียดก่อนการใช้งาน
15
อสังหา / ไมโครเวฟ อุปกรณ์ครัวที่ขาดไม่ได้
« เมื่อ: 23ตุลาคม2023, 15:05:14pm »
ไมโครเวฟ เป็นอุปกรณ์ครัวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว สามารถอุ่นอาหาร ละลายน้ำแข็ง และปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ไมโครเวฟจึงเป็นอุปกรณ์ครัวที่ขาดไม่ได้สำหรับทุกครัวเรือน
หลักการการทำงานของไมโครเวฟ
ไมโครเวฟทำงานโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูงที่เรียกว่าไมโครเวฟ (Microwave) ซึ่งคลื่นไมโครเวฟจะเข้าไปสั่นโมเลกุลของน้ำในอาหาร ทำให้โมเลกุลของน้ำเกิดการเสียดสีกัน เกิดเป็นความร้อนและทำให้อาหารสุก
ประโยชน์ของไมโครเวฟ
อุ่นอาหารได้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่นาทีก็สามารถอุ่นอาหารให้ร้อนได้แล้ว
ละลายน้ำแข็งได้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่นาทีก็สามารถละลายน้ำแข็งออกจากอาหารได้แล้ว
ปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ไมโครเวฟสามารถใช้ทำอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน
ประหยัดพลังงาน ไมโครเวฟใช้พลังงานในการปรุงอาหารน้อยกว่าเตาอบทั่วไป
ข้อควรระวังในการใช้ไมโครเวฟ
ห้ามใช้ภาชนะที่ทำจากโลหะ เพราะอาจทำให้เกิดประกายไฟและไฟไหม้ได้
ห้ามนำอาหารที่มีน้ำมาก เช่น น้ำผลไม้ ใส่ไมโครเวฟ เพราะอาจทำให้อาหารระเบิดได้
ห้ามใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหารที่มีไขมันหรือน้ำมันมากเกินไป เพราะอาจทำให้อาหารไหม้ได้
ห้ามใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหารจนสุกจนเกินไป เพราะอาจทำให้อาหารเสียคุณค่าทางอาหารได้
การเลือกซื้อไมโครเวฟ
ขนาดความจุ เลือกขนาดความจุให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในบ้าน
กำลังไฟ เลือกกำลังไฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ฟังก์ชันการใช้งาน เลือกฟังก์ชันการใช้งานให้ตรงกับความต้องการ
ระบบความปลอดภัย เลือกไมโครเวฟที่มีระบบความปลอดภัยที่ครบครัน
สรุป
การเลือกซื้อ ไมโครเวฟ ยี่ห้อไหนดี อุปกรณ์ครัวที่มีประโยชน์มากมาย ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว และประหยัดพลังงาน ไมโครเวฟจึงเป็นอุปกรณ์ครัวที่ขาดไม่ได้สำหรับทุกครัวเรือน
หลักการการทำงานของไมโครเวฟ
ไมโครเวฟทำงานโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูงที่เรียกว่าไมโครเวฟ (Microwave) ซึ่งคลื่นไมโครเวฟจะเข้าไปสั่นโมเลกุลของน้ำในอาหาร ทำให้โมเลกุลของน้ำเกิดการเสียดสีกัน เกิดเป็นความร้อนและทำให้อาหารสุก
ประโยชน์ของไมโครเวฟ
อุ่นอาหารได้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่นาทีก็สามารถอุ่นอาหารให้ร้อนได้แล้ว
ละลายน้ำแข็งได้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่นาทีก็สามารถละลายน้ำแข็งออกจากอาหารได้แล้ว
ปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ไมโครเวฟสามารถใช้ทำอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน
ประหยัดพลังงาน ไมโครเวฟใช้พลังงานในการปรุงอาหารน้อยกว่าเตาอบทั่วไป
ข้อควรระวังในการใช้ไมโครเวฟ
ห้ามใช้ภาชนะที่ทำจากโลหะ เพราะอาจทำให้เกิดประกายไฟและไฟไหม้ได้
ห้ามนำอาหารที่มีน้ำมาก เช่น น้ำผลไม้ ใส่ไมโครเวฟ เพราะอาจทำให้อาหารระเบิดได้
ห้ามใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหารที่มีไขมันหรือน้ำมันมากเกินไป เพราะอาจทำให้อาหารไหม้ได้
ห้ามใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหารจนสุกจนเกินไป เพราะอาจทำให้อาหารเสียคุณค่าทางอาหารได้
การเลือกซื้อไมโครเวฟ
ขนาดความจุ เลือกขนาดความจุให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในบ้าน
กำลังไฟ เลือกกำลังไฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ฟังก์ชันการใช้งาน เลือกฟังก์ชันการใช้งานให้ตรงกับความต้องการ
ระบบความปลอดภัย เลือกไมโครเวฟที่มีระบบความปลอดภัยที่ครบครัน
สรุป
การเลือกซื้อ ไมโครเวฟ ยี่ห้อไหนดี อุปกรณ์ครัวที่มีประโยชน์มากมาย ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว และประหยัดพลังงาน ไมโครเวฟจึงเป็นอุปกรณ์ครัวที่ขาดไม่ได้สำหรับทุกครัวเรือน
หน้า: [1] 2