การสร้างรายได้ จาการขายอาหารตามสั่งและการตั้งราคาขายในออนไล์ ไม่ให้ขาดทุนการสร้างรายได้จากการขายอาหารตามสั่งออนไลน์โดยไม่ให้ขาดทุนนั้น ต้องอาศัยการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ การตั้งราคาที่เหมาะสม และการทำการตลาดที่ดึงดูดลูกค้า ต่อไปนี้คือแนวทางและเคล็ดลับสำคัญ:
1. การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ:
คำนวณต้นทุนวัตถุดิบอย่างแม่นยำ: จดบันทึกราคาสินค้าทุกชนิดที่ใช้ในการปรุงอาหาร รวมถึงเครื่องปรุง น้ำมัน และวัตถุดิบตกแต่ง
ควบคุมปริมาณการใช้วัตถุดิบ: ฝึกฝนการตวง วัด และใช้ส่วนผสมในปริมาณที่เหมาะสมตามสูตร เพื่อลดการสูญเสีย
จัดซื้อวัตถุดิบอย่างชาญฉลาด: เปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่ง เลือกซื้อในช่วงที่มีโปรโมชั่น หรือซื้อจำนวนมากหากเก็บรักษาได้นาน
ลดของเสีย: วางแผนการใช้วัตถุดิบให้ดี จัดเก็บอย่างถูกต้อง และนำส่วนที่เหลือมาใช้ให้เกิดประโยชน์ (เช่น น้ำซุปจากโครงไก่)
ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: ควบคุมค่าแก๊ส/ไฟฟ้า น้ำ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำอาหาร
คำนวณค่าแรง (ถ้ามี): หากมีผู้ช่วย ควรนำค่าแรงมาคำนวณเป็นต้นทุนด้วย
2. การตั้งราคาขายออนไลน์อย่างไม่ให้ขาดทุน:
สูตรคำนวณราคาขายเบื้องต้น:
ราคาขายต่อจาน = (ต้นทุนวัตถุดิบต่อจาน + ค่าแรงต่อจาน (ถ้ามี) + ค่าบรรจุภัณฑ์ + ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ต่อจาน) + กำไรที่ต้องการ
แยกประเภทต้นทุน:
ต้นทุนผันแปร (Variable Cost): เปลี่ยนแปลงตามปริมาณการผลิต (เช่น วัตถุดิบ)
ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost): ไม่เปลี่ยนแปลงตามปริมาณการผลิตในระยะสั้น (เช่น ค่าเช่าครัว (ถ้ามี), ค่าอินเทอร์เน็ต) แม้ว่าคุณจะขายได้น้อย ก็ยังต้องจ่าย
กำหนดอัตรากำไรขั้นต่ำ: ตั้งเป้าหมายกำไรที่ต้องการต่อจาน (เช่น 20-50%) ขึ้นอยู่กับประเภทอาหาร ตลาด และกลุ่มเป้าหมาย
พิจารณาราคาคู่แข่ง: สำรวจราคาอาหารตามสั่งออนไลน์ที่คล้ายคลึงกันในพื้นที่ของคุณ แต่อย่าลดราคาจนต่ำกว่าต้นทุน
คำนวณค่าบรรจุภัณฑ์: รวมต้นทุนกล่อง/ถุง ช้อน ส้อม ทิชชู่ ในราคาขาย
พิจารณาค่าขนส่ง:
คิดค่าส่งแยก: กำหนดอัตราค่าส่งตามระยะทาง
รวมค่าส่งในราคา: อาจเพิ่มราคาสินค้าเล็กน้อยและเสนอ "ส่งฟรี" ในระยะทางที่กำหนด หรือเมื่อซื้อถึงยอดขั้นต่ำ
ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม (ถ้ามี): หากขายผ่านแอปพลิเคชันส่งอาหาร จะมีค่าธรรมเนียมที่ต้องนำมาพิจารณาในการตั้งราคา
โปรโมชั่นและส่วนลด: วางแผนโปรโมชั่นโดยคำนึงถึงต้นทุนและกำไร อย่าลดราคาจนขาดทุน
ทดลองและปรับราคา: สังเกตการตอบสนองของลูกค้าต่อราคา และปรับราคาตามความเหมาะสม โดยยังคงมีกำไร
ตัวอย่างการคำนวณราคา (สมมติ):
ต้นทุนวัตถุดิบต่อจาน: 30 บาท
ค่าแรงต่อจาน (เฉลี่ย): 5 บาท
ค่าบรรจุภัณฑ์: 5 บาท
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ต่อจาน (เฉลี่ย): 2 บาท
รวมต้นทุนต่อจาน: 30 + 5 + 5 + 2 = 42 บาท
ต้องการกำไร 30%: 42 บาท * 0.30 = 12.6 บาท
ราคาขายต่อจาน (ไม่รวมค่าส่ง): 42 + 12.6 = 54.6 บาท (อาจปัดเป็น 55 บาท)
3. การตลาดออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขายและกำไร:
สร้างภาพลักษณ์ที่ดี: ถ่ายภาพอาหารให้สวยงาม น่าทาน และสื่อถึงคุณภาพ
คำอธิบายเมนูที่ดึงดูด: เขียนรายละเอียดเมนูที่ชัดเจนและกระตุ้นความอยากอาหาร
โปรโมชั่นที่น่าสนใจ: เสนอส่วนลด, เมนูพิเศษ, หรือของแถม เพื่อดึงดูดลูกค้า
ใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีประสิทธิภาพ: โพสต์อย่างสม่ำเสมอ มีส่วนร่วมกับผู้ติดตาม และใช้แฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง
รีวิวจากลูกค้า: กระตุ้นให้ลูกค้าเขียนรีวิวเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
ร่วมกับแอปพลิเคชันส่งอาหาร: เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าจำนวนมาก
สร้างฐานลูกค้าประจำ: มีโปรแกรมสะสมแต้ม หรือมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อบ่อย
4. การบริหารจัดการและควบคุม:
ติดตามยอดขายและต้นทุน: บันทึกรายรับรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อวิเคราะห์ว่าเมนูใดทำกำไร และมีค่าใช้จ่ายส่วนใดที่สามารถลดได้
ปรับปรุงเมนู: พิจารณาเมนูที่ไม่ได้รับความนิยม หรือมีต้นทุนสูง อาจปรับปรุงหรือยกเลิก
วางแผนการผลิต: จัดเตรียมวัตถุดิบล่วงหน้า เพื่อลดเวลาในการปรุงอาหารและจัดการออเดอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รักษาคุณภาพและความสม่ำเสมอ: ทำให้ลูกค้ามั่นใจในรสชาติและคุณภาพอาหารทุกครั้งที่สั่ง
ข้อควรระวัง:
อย่าตั้งราคาต่ำเกินไปเพียงเพื่อแข่งขัน เพราะอาจทำให้ขาดทุนในระยะยาว
โปร่งใสในเรื่องราคาและค่าใช้จ่ายต่างๆ กับลูกค้า (เช่น ค่าส่ง)
หมั่นทบทวนต้นทุนและราคาขายอย่างสม่ำเสมอ
การสร้างรายได้จากการขายอาหารตามสั่งออนไลน์โดยไม่ขาดทุนต้องอาศัยความเข้าใจในต้นทุน การตั้งราคาที่สมเหตุสมผล และการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการรักษาคุณภาพอาหารและบริการที่ดี เพื่อสร้างฐานลูกค้าที่มั่นคงครับ