อาการช้ำ เป็นอาการบาดเจ็บบริเวณผิวหนังที่หลายคนอาจจะเคยเผชิญ เนื่องจากเส้นเลือดฝอยแตกจนเกิดเลือดสะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ รอยช้ำเป็นอาการที่พบได้บ่อย และเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย อย่างไรก็ตาม เราควรทราบวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยสังเกตว่ารอยช้ำที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงและจำเป็นต้องไปพบแพทย์หรือไม่ โดยการเกิดรอยช้ำที่ผิวหนัง เป็นอาการเริ่มต้นมักเป็นสีแดง แล้วจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินหรือม่วงเข้มภายใน 2-3 ชั่วโมง และอาจเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เขียว หรือสีอื่นๆ เช่น น้ำตาล น้ำตาลอ่อน หลังผ่านไปจาก 2-3 วัน ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อรอยช้ำเริ่มจางลง
ซึ่งรอยช้ำดังกล่าว อาจจะทำให้มีอาการกดเจ็บ และบางครั้งอาจสร้างความเจ็บปวดในช่วง 2-3 วันแรก แต่อาการจะค่อย ๆ หายไปพร้อมกับสีที่จางลง ถึงแม้ว่าการเกิดรอยช้ำจะไม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงใดๆ นอกจากจะเป็นรอยที่ผิวหนัง แล้วเปลี่ยนเป็นสีต่างๆ รอยช้ำมักเกิดขึ้นในเวลาไม่นาน และจะจางหายไปเองภายในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ แต่อาการเขียวช้ำต่างๆที่เกิดขึ้นตามร่างกายของเรานั้น สามารถรักษาหรือบรรเทาให้หายได้ โดยการรับประทานอาหารที่มีสรรพคุณในการช่วยลดอาการช้ำต่างๆบนร่างกายได้ วันนี้ทางเราจะมาแนะนำอาการที่ช่วยลดอาการเขียวช้ำได้
สำหรับอาหารที่ช่วยลดรอยเขียวช้ำตามร่างกายของเรานั้น ได้แก่ ใบบัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่เรารู้จักกันดีในฐานะยาแก้ช้ำใน เพราะใบบัวบกเป็นอาหารที่สามารถลดรอยช้ำได้ แทบจะเป็นอาหารอย่างแรกๆเลย สำหรับผู้ที่มีรอยเขียวช้ำมักจนึกถึง เพราะสรรพคุณของใบบัวบก คือ การบำรุงการไหลเวียนของโลหิต ช่วยลดอาการบวม และบรรเทาอาการฟกช้ำ อย่างเช่น แผลผ่าตัดหรือแม้แต่รอยช้ำเล็กๆ อย่างการเผลอเดินไปกระแทกตรงโน้นตรงนี้ ใบบัวบกก็สามารถใช้ได้ รวมถึงใบบัวบกยังช่วยให้รอยแผลเรียบเนียนขึ้นได้ นอกจากจะช่วยรักษาอาการช้ำในได้แล้ว บัวบกยังช่วยรักษาโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องเสีย ท้องอืด โรคในกระเพาะอาหาร รวมทั้งเป็นยาบำรุงร่างกายชั้นดี เช่น บำรุงสมอง ช่วยเพิ่มความจำในผู้สูงอายุ บำรุงประสาทได้อีกด้วย ต่อมาคือ สาหร่ายทะเล ช่วยลดบวมและลดรอยเขียวช้ำได้ เนื่องจากสาหร่ายเป็นพืชที่มีเส้นใย แร่ธาตุและแคลเซียมสูง ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้เป็นไปได้อย่างราบรื่น เนื่องจากร่างกายสามารถดูดซึมออกซิเจนได้อย่างปกติ
นอกจากนี้ ฟักทอง ยังถือเป็นอาหารลดรอยเขียวช้ำ ที่รับประทานได้ง่าย เพราะมีราคาถูกแถมยังมีรสชาติที่อร่อยด้วย อุดมไปด้วยวิตามิน A ในฟักทองนั้น ช่วยรักษาอาการอักเสบและป้องกันการติดเชื้อหลังการผ่าตัดได้ นอกจากนี้ ยังช่วยดีท็อกซ์ขับสารพิษออกจากร่างกาย ส่งผลทำให้อาการบวมช้ำหายได้เร็วขึ้น ต่อมาธัญพืชอย่างถั่วดำนั้น ก็มีสรรพคุณในการขับสารพิษออกจากร่างกาย และยังช่วยลดอาการอักเสบจากการติดเชื้อหรืออาการอักเสบหลังผ่าตัดได้ด้วย ซึ่งเมื่ออาการอักเสบจากแผลเหล่านี้ลดลง ความบวมช้ำก็จะลดลง เช่นเดียวกับความเจ็บปวดก็จะลดลงตามไปด้วย และสุดท้ายน้ำมะพร้าว ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆคน แถมยังมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงร่างกายและช่วยบำรุงผิวด้วย มีส่วนช่วยในการลดบวม ขับของเสียและขับพิษออกจากร่างกาย การดื่มน้ำมะพร้าวสดๆ ที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งหลังจากการผ่าตัดหรือทำศัลยกรรมสามารถช่วยลดบวมและลดรอยเขียวช้ำได้นั่นเอง
นอกจากนี้ การลดอาการเขียวช้ำ ยังสามารถใช้รักษาได้ด้วยวิธีการอื่นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการประคบเย็นบริเวณที่เกิดอาการช้ำด้วยสำลีหรือผ้าชุบน้ำเย็น หรืออาจใช้ถุงน้ำแข็งห่อด้วยผ้าประคบลงบนบริเวณที่มีอาการประมาณ 10 นาที และไม่ควรให้ผิวหนังสัมผัสน้ำแข็งโดยตรง เพราะความเย็นอาจทำให้ผิวหนังเสียหายได้ ถือว่าวิธีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายคนมักใช้กัน
และถ้าหากเกิดรอยช้ำขนาดใหญ่บริเวณขาหรือเท้าในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังได้รับบาดเจ็บ ควรยกขาให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังเกิดอาการช้ำสามารถประคบร้อนได้ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นวางประคบบริเวณที่เกิดรอยช้ำประมาณ 10 นาที จำนวน 2-3 ครั้งต่อวัน ซึ่งอาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตในบริเวณที่เกิดรอยช้ำได้ และช่วยให้ผิวหนังสามารถดูดซึมเลือดกลับได้เร็วยิ่งขึ้น รอยช้ำก็จะค่อยๆ จางหายไปได้ และการใช้ยาบรรเทาอาการเจ็บปวด เช่น พาราเซตามอล แต่ควรหลีกเลี่ยงยาแอสไพริน หรือยาไอบูโบรเฟน เพราะอาจเสี่ยงทำให้มีเลือดไหลเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามเราอยากให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้ ทำให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์อีกด้วย
อาหารสุขภาพ ลดรอยเขียวช้ำ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/