กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: [1] 2 3 ... 10
1
สำหรับผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุที่ติดเตียงนั้นมีโอกาสที่จะเกิดแผลกดทับได้อันเนื่องจากความที่ไม่สามารถขยับตัวเองได้ ต้องถูกทับกดอยู่กับที่ตลอดทั้งมีเหงื่อไหลแล้วหมักหมม แน่นอนว่าสิ่งที่จะมาช่วยให้การนอนราบรื่นมากขึ้นคงหนีไม่พ้นที่นอนลม ซึ่งถือเป็นตัวช่วยป้องกันแผลกดทับสำหรับผู้ป่วย – ผู้สูงอายุที่ติดเตียงได้ดี ซึ่งวันนี้เราก็จะมาพูดถึงไอเทมดี ๆ นี้กัน



ที่นอนลมตัวช่วยป้องกันแผลกดทับได้ดีที่สุด

ที่นอนหรือเตียงลมนี้เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยกระจายแรงกดทับในการทำงานได้ดี มีระบบปั๊มลมแบบไฟฟ้าสลับยุบพองบริเวณตัวของที่นอนขณะใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผิวหนังบริเวณต่าง ๆ ไม่ถูกกดทับเป็นเวลานาน เป็นตัวช่วยลดความรุนแรงในการเกิดแผลกดทับได้ดี โดยที่นอนรูปแบบนี้ จะมี 2 ชนิดด้วยกันคือ

- ที่นอนแบบลอนขวาง โดยจะใช้วัสดุ PVC เป็นลอน 20 – 22 ลอน สลับการยุบพองของลอนในกรณีที่มีลอนใดลอนหนึ่งชำรุด หรือมีรูรั่วเสียหาย สามารถถอดลอนเปลี่ยนได้ด้วย
- ที่นอนรูปแบบรังผึ้ง หรือบับเบิ้ล ที่จะเป็นการสลับดันลม สลับการยุบและพองแต่ละจุด ซึ่งปรับระดับความนิ่มของที่นอนได้เองตามต้องการ หากที่นอนชำรุด หรือมีรูรั่วจุดเดียวก็อาจจะเสี่ยงทำให้ที่นอนเสียหาย ยากต่อการส่งซ่อมบำรุง แนะนำว่าให้คุณเลือกที่นอนให้เหมาะสมกับการใช้งานของผู้ป่วย ผู้สูงอายุแต่ละคนที่แตกต่างกันดี ๆ ดีกว่า

ซึ่งเหมาะกับใครบ้างนั้นก็ต้องบอกว่าที่นอนลมกันแผลกดทับจะเหมาะกับผู้ที่เป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวแล้ว หรือไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือผู้ที่เป็นแผลกดทับอยู่แล้ว โดยที่จะไม่เหมาะกับผู้ป่วยติดเตียงที่มีลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ หรือที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง เพราะอาจจะต้องระวังการเคลื่อนที่ของกระดูกเป็นพิเศษนั่นเอง อาจจะใช้ที่นอนโฟมมาช่วยด้วยก็ได้เช่นกัน ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายรุ่น หลากหลายยี่ห้อมาก ๆ แนะนำว่าให้คุณพิจารณาเลือกจากปัจจัยหลาย ๆ ด้านก่อนเอาที่คุ้มต่อการใช้งาน ต่อผู้ใช้งาน และต่อเงินในกระเป๋าดีกว่า

นี่คือข้อมูลอันน่าสนใจเกี่ยวกับที่นอนลม ตัวช่วยชั้นยอดสำหรับการป้องกันแผลกดทับให้กับผู้ป่วยที่ต้องนอนแทบตลอดวัน ไม่สามารถเปลี่ยนท่าทางด้วยตนเอง รวมถึงคนที่อายุมากก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน ลองเลือกรูปแบบที่นอนตามความเหมาะสมแล้วใช้งานกันเลย แต่อย่าลืมเลือกซื้อกับแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ผ่านช่องทางไว้วางใจได้ ไม่มีโดนหลอก โดนโกง ให้ต้องกังวล
2
ต้องบอกเลยว่าปัจจุบันการชั่งน้ำหนักมีความหมายมาก ๆ ด้วยคนสมัยนี้กลับมาสนใจดูแลตัวเองมากขึ้น และเครื่องชั่งน้ำหนักและวัดองค์ประกอบในร่างกายก็เป็นไอเท็มที่ได้รับความสนใจมาก ๆ และหากใครที่กำลังอยากได้เอาไว้ชั่งดู แต่ก็ไม่รู้จะซื้อยี่ห้อไหน รุ่นไหนดี เราขอแนะนำกับ BEURER BF950 สีดำ การันตีจุดเด่นเพียบ



แนะนำเครื่องชั่งน้ำหนักและวัดองค์ประกอบในร่างกาย BEURER BF950 สีดำ

สำหรับ BEURER BF950 สีดำ เป็นเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอลที่สามารถวัดค่าเฉลี่ยของน้ำหนัก มวลไขมัน กล้ามเนื้อ มวลกระดูก และน้ำได้ รวมถึงค่า BMI และ AMR/BMR ได้ด้วย โดยที่ยังสามารถใช้งานได้ทั้ง IOS – Android เชื่อมต่อกันได้เลยผ่าน Bluetooth ทำให้การวัดค่าต่าง ๆ สามารถบันทึกข้อมูลไว้ได้เลย สามารถบันทึกข้อมูลได้มากกว่า 8 คนไปอีก รองรับน้ำหนักได้มากสุด 180 กก. จะผู้ชาย หรือผู้หญิงได้หมด รวมถึงผู้ที่กำลังท้องก็ชั่งได้ ซึ่งมีโหมดฟังก์ชันพิเศษให้โดยเฉพาะใช้งาน

- เหมาะกับการชั่งที่หลากหลาย แยกแยะให้เราหมด ทั้งวัดน้ำหนัก, วัดมวลไขมัน, มวลกระดูก, น้ำ, กล้ามเนื้อ, BMI, AMR และ BMR
- เป็นเครื่องชั่งที่วัดแบบดิจิทัล มีฟังก์ชันระบบวิเคราะห์มวลแบบภายในได้ด้วย
- สามารถตั้งระบบการออกกำลังกายได้แบบ 5 ระดับกิจกรรม ตอบโจทย์ทุกการใช้งานที่แต่ละคนมีต่างกันได้ดี
- รองรับระบบการทำงานแบบ IOS – Android สามารถถ่ายโอนผ่านบลูทูธไปยังแอปพลิเคชันที่มีให้ดาวโหลดผ่านสมาร์ตโฟน
- มีจอ LED แสดงผลแบบ Dot Matrix ที่มีตัวเลขขนาด 23 มม. การมองเห็นแบบชัดเจน มีการบอกอุณหภูมิและแสดงเวลา
- เริ่มต้นการใช้งานได้แบบรวดเร็ว ขึ้นชั่งได้เลย ปิดอัตโนมัติเมื่อชั่งเสร็จได้เลยทันที
- เปลี่ยนหน่วยการชั่งน้ำหนักได้ 3 แบบ คือ ปอนด์ กิโลกรัม และสโตน ครบจบในเครื่องเดียว
- มีโหมดการตั้งครรภ์ ที่ควบคุมน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ได้ด้วย โดยที่จะไม่รวมค่า BIA

ในส่วนของการใช้งานเครื่องชั่งน้ำหนักวัดไขมันก็จะใช้เพื่อชั่งน้ำหนัก วัดค่ามวลกายอื่น ๆ โดยที่ควรศึกษาคู่มือก่อนการใช้งานให้ละเอียด และควรยืนอยู่ตรงกลาง เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องไถล ทำให้ได้น้ำหนักที่ถูกต้อง เครื่องนี้มีราคาที่ 3,800 บาท ซื้อผ่านออนไลน์ลดเหลือ 3,450 บาท

อย่างไรก็ดี ในการใช้งานเครื่องชั่งน้ำหนักและวัดองค์ประกอบในร่างกาย อย่าง BEURER BF950 สีดำนี้ก็มีข้อควรระวังอยู่ด้วย คือห้ามเหยียบด้านนอก หรือของเครื่องชั่งด้านเดียว จะทำให้เครื่องกระดก และเกิดอันตรายได้ ห้ามใช้สารเคมีที่ออกฤทธิ์เป็นกรด ด่างในการทำความสะอาด หากตั้งครรภ์แล้วจะใช้งานให้ดูที่โหมดตั้งครรภ์ ควรเก็บในที่แห้งเท่านั้น ไม่มีความชื้น และเลี่ยงที่ที่ร้อนจัด เป็นต้น
3
สำหรับใครที่กำลังมองหาผ้าอ้อมผู้ใหญ่เพื่อผู้ป่วย หรือผู้สูงวัยก็ตาม สิ่งที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ก็คือเรื่องของแนวทางการเลือกซื้อที่อยากให้ทุก ๆ คนได้ทำความเข้าใจก่อน เพื่อให้การซื้อใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นมากที่สุด ตอบโจทย์ขั้นสุด แต่จะมีแนวทางไหนที่เราต้องรู้บ้าง ว่าแล้วก็ไปติดตามพร้อม ๆ กันดีกว่า



ผ้าอ้อมผู้ใหญ่จะเลือกซื้อให้ตอบโจทย์การใช้งานต้องรู้

สำหรับแพมเพิสผู้ใหญ่ในปัจจุบันนั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกทั้งแบบกาว รวมถึงแบบสำเร็จรูป แน่นอนว่าก่อนที่จะเลือกซื้อไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตาม ควรศึกษาถึงแนวทางการซื้อที่เหมาะสมด้วย เพื่อให้การใช้งานตอบโจทย์มากที่สุด ไม่เป็นปัญหาต่อผู้ใช้งานด้วย และผู้ดูแลด้วย ซึ่งถามว่ามีแนวทางไหนบ้าง?

- ให้เลือกจากแบบที่เหมาะสม อย่างที่บอกไปคือจะมีทั้งแบบกางเกง และแบบกาว ดูว่าผู้ใช้งานเป็นคนแบบไหน เหมาะกับแบบไหนมากกว่ากัน โดยทั้ง 2 แบบก็จะมีลักษณะ คุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป
- แบบเทปกาวที่จะเหมาะกับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเอง หรือทำอะไรเองได้ พูดง่าย ๆ ว่านอนติดเตียง ต้องมีผู้ช่วย หรือคนคอยดูแล
- เลือกจากขนาดตัวของผู้สวมใส่ โดยที่เราควรต้องรู้ถึงรอบเอว ดูว่าใหญ่มากแค่ไหน ถ้าหลวมมากเกินไปก็จะทำให้สิ่งปฏิกูลรั่วไหลได้ หรือถ้าหากเราเลือกให้คับจนเกินไปก็จะรู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัวในการใช้งาน
- เลือกจากการดูดซับได้ดี และกำจัดกลิ่นต่าง ๆ กลิ่นอับ แบคทีเรีย ไม่ทำให้เกิดการสะสมได้เรื่อย ๆ โดยต้องดูแลเรื่องกลิ่น เรื่องความสะอาดกันอยู่แล้วไม่ควรพลาด
- เลือกจากวัสดุที่ไม่ระคายเคือง ที่มีความยืดหยุ่น ไม่ทำให้ผิวเป็นตุ่ม หรือเป็นผื่นคัน เพราะหากเป็นแบบนั้นกับผู้ป่วย หรือผู้สูงวัยก็ดีคงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
- เลือกจากยี่ห้อ หรือแบรนด์ที่มีความไว้วางใจได้ อาจจะดูจากรีวิวผู้ที่เคยใช้งานมาก่อนก็ได้ว่าเป็นอย่างไร ดูคุณสมบัติที่มีหรืออื่น ๆ รวมถึงเรื่องของแพมเพิสผู้ใหญ่ ราคาเท่าไหร่บ้าง เหมาะสมไหม ประกอบการตัดสินใจ เชื่อว่าจะทำให้การเลือกซื้อมั่นใจมากยิ่งขึ้น

และนี่ก็เป็นเรื่องของผ้าอ้อมผู้ใหญ่ที่อยากให้หลาย ๆ คนได้ลองศึกษาแนวทางการซื้อก่อนซื้อมาใช้งานจริง ๆ เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดทั้งต่อผู้สวมใส่อย่างผู้ป่วย ผู้สูงวัยเอง หรือผู้ดูแลก็ตาม แน่นอนว่าปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายคุณสมบัติ หลากหลายราคาด้วย อยากให้พิจารณาดูทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน เอาสิ่งที่ตอบโจทย์เรามากที่สุดเป็นพอ ขอให้การใช้งานต่อไปนี้เป็นไปอย่างราบรื่นอย่างแท้จริง
4
เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของการตรวจวัดอุณหภูมิ ที่อาจจะอยากรู้ว่าแบบไหนถึงเป็นปกติกับร่างกาย รวมถึงอุปกรณ์วัดอย่างที่วัดแบบแก้วต่างจากปรอทวัดไข้แบบดิจิทัลยังไง? แน่นอนว่าเราไม่รอช้าที่จะไปรวบรวมข้อมูลมาเล่าสู่กันฟัง พร้อมแล้วก็ไปติดตามกันดีกว่า



อุณหภูมิร่างกายของเราแบบไหนถึงเรียกว่าเป็นปกติ

ต้องบอกก่อนเลยว่าโดยทั่วไปแล้วอุณหภูมิของผู้ใหญ่ที่มีความแข็งแรงก็จะอยู่ประมาณ 36.5 - 37.2 องศาเซลเซียส ในเด็กเล็กก็จะมีอุณหภูมิที่มีความเป็นปกติแตกต่างจากผู้ใหญ่ 1 – 2 องศาเซลเซียส หากมีการวัดอุณหภูมิแล้วพบว่าสูงหรือต่ำไปมากกว่าค่าที่กำหนดนี้ ก็จะแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติที่มีต่อร่างกายได้

ทั้งนี้ อุณหภูมิในร่างกายของคนเราไม่ค่อยคงที่เท่าไหร่นัก มีหลากหลายปัจจัยที่ส่งผลต่ออุณหภูมิในร่างกายได้ด้วย เช่น อายุ เพศ การออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร ฯลฯ โดยเกณฑ์ปกติของคนทั่วไปก็จะแบ่งแยกอุณหภูมิที่วัดได้ตามเครื่องวัดอุณหภูมิ หรือปรอทวัดอื่น ๆ ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แบ่งออกเป็น

- อุณหภูมิปกติที่วัดได้จากทางปาก = 35.5 – 37.5 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิปกติที่วัดได้จากทางรักแร้ = 35.5 – 37.5 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิปกติที่วัดได้จากทางหู = 35.5 – 37.5 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิปกติที่วัดได้จากทางปาก = 35.5 – 37.5 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิปกติที่วัดได้จากทางทวารหนัก = 35.5 – 37.5 องศาเซลเซียส

ความแตกต่างของที่วัดแบบแก้ว VS ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล

สำหรับปรอทวัดแบบแก้วนั้นจะมีราคาถูก ไม่ค่อยแพง แต่ก็จะมีความยุ่งยากในการใช้งาน ต้องดูก่อนว่ามีอุณหภูมิต่ำกว่า 36 องศาเซลเซียส ก่อนใช้งานหรือไม่ อ่านค่ายากไปนิดหน่อย แล้วก็ตัวของปรอทนั้นก็เปราะบางด้วย ต้องระวังในการใช้งาน อาจทำให้เกิดปัญหาแตกหักได้ แต่ในส่วนของปรอทวัดไข้ดิจิตอลนั้นจะข้อดีตรงที่สามารถวัดอุณหภูมิได้รวดเร็ว แค่กดปุ่มวัดไข้ก็แค่รอผลลัพธ์เท่านั้น ตัววัดไข้ดิจิตอลไม่ได้มีการใช้แก้วทำแต่อย่างใด ไม่แตกหักง่าย ไม่มีสารปรอทที่อาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ สามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัยไม่จำกัด แต่ก็จะมีราคาที่สูงกว่าแบบแก้ว

เท่านี้ก็หวังว่าทุก ๆ คนจะเข้าใจถึงอุณหภูมิร่างกายตัวเองที่เป็นปกติมากขึ้น และในการวัดอุณหภูมิร่างกายสิ่งที่สำคัญแน่นอนว่าต้องเป็นอุปกรณ์อย่างปรอทวัดไข้ ที่ควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ใช้งานง่าย สะดวกสบาย จะไม่เป็นปัญหาในการใช้งานแน่นอน ซึ่งปัจจุบันอุปกรณ์นี้มีให้เลือกจากหลายยี่ห้อจึงอยากให้ลองพิจารณาจากหลายปัจจัยดูก่อน เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
5
หากคุณเป็นอีกคนที่มีความต้องการใช้งานเครื่องวัดความดันอยากเลือกซื้อมาใช้ตอบโจทย์ แนะนำว่าให้ศึกษาถึงลักษณะของเครื่องที่เป็นมาตรฐานเข้าไว้ เพื่อการใช้งานที่เหมาะสม ไม่เป็นปัญหาตามมาภายหลังได้ ซึ่งลักษณะของเครื่องจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นเราไปติดตามกันดีกว่า



4 ลักษณะเครื่องวัดความดันที่ได้มาตรฐาน

ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่นมีส่วนช่วยวัดความดันให้กับผู้ป่วย ผู้สูงวัย หรือแม้แต่วัยทำงาน แต่กระนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องมีมาตรฐาน แน่นอนว่าต้องดูจาก 4 ลักษณะดังต่อไปนี้

1. มีความสามารถในการวัดผลที่ชัดเจน ครบถ้วน

เครื่องที่มีมาตรฐาน ต้องมีขนาดหน้าจอ หรือจอแสดงผลชัดเจน โดยที่ผู้ใช้งานสามารถวัดแล้วอ่านค่าได้เอง รู้อัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อการลดเสี่ยงที่มีในการอ่านค่าแล้วคลาดเคลื่อน ซึ่งจะแสดงผลเป็นหน้าจอดิจิตอลได้ความสะดวกสบาย รวดเร็ว มากกว่ารูปแบบปรอทที่อาจจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการอ่านค่า

โดยเครื่องวัดความดันโลหิตส่วนใหญ่ก็จะเป็นรูปแบบการวัดแสดงผลที่ชัดเจน โดยจะต้องสอดแขนเข้าไปที่อุปกรณ์เสริม เพื่อรอเครื่องทำงานบีบรัดตัวที่ช่วงท้องแขน แล้วเครื่องก็จะคำนวณความดันพร้อมแสดงผลผ่านหน้าจอและพิมพ์กระดาษออกมาให้เรารู้ผลนั่นเอง

2. ผ่านการทดสอบ ผ่านการรับรองมาตรฐาน

เครื่องที่ใช้เพื่อวัดความดันจำเป็นต้องผ่านการทดสอบคุณภาพ และการรับรองมาตรฐาน ทั้งเครื่องหมาย มอก., มาตรฐาน CE เครื่องหมาย UL ซึ่งเป็นเครื่องหมายมาตรฐานอุตสาหกรรมของไทยที่นำมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานก็จะมีบอกเราอย่างหมดเปลือก สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค

3. ความสามารถในการวัดค่าที่แม่นยำ

โดยที่จะต้องเน้นย้ำในเรื่องของการวัดค่าที่มีความแม่นยำสูงด้วย เพราะค่าที่วัดได้ก็จะต้องมีค่าที่ใกล้เคียงกัน ไม่ได้ต่างกันมากจนเกินไป เพื่อให้ได้ค่าที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถนำค่าที่วัดมาล่าสุดไปใช้งานได้ เพื่อประเมินอาการ เฝ้าระวังความผิดปกติที่มีของผู้ป่วยได้ดี

4. ตัวเครื่องมีคู่มือการใช้งาน การดูแลรักษาให้ด้วย

ที่วัดความดันมาตรฐานเพื่อวัดความดัน เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่จะให้ความสำคัญเรื่องอาการผู้ป่วย หากมีการใช้งานไม่ถูกวิธีก็จะส่งผลต่อการวัดค่าที่คลาดเคลื่อนได้ และอาจจะนำไปสู่ความรุนแรงถึงขั้นเป็นอันตราย การมีคู่มือมาเพื่อดูแลรักษาก็จะช่วยเสริมสร้างการใช้งานที่เหมาะสม วัดค่าแม่นยำ ยืดอายุการใช้งานเครื่องได้ดี

และทั้งหมดนี้ก็เป็นลักษณะของเครื่องวัดความดันที่เราได้นำมาฝาก เพื่อการศึกษาและสามารถนำไปช่วยพิจารณาตัดสินใจซื้อใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะอย่างที่บอกไปปัจจุบันมีหลากหลาย เราควรเทียบความคุ้มค่าทั้งฟังก์ชัน และราคาเสมอ ได้สิ่งที่ดีที่สุดมาใช้ กระเป๋าไม่ฉีกด้วย
6
เพื่อให้การใช้งานเตียงผู้ป่วยแบบไฟฟ้าได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ตอบโจทย์กับผู้ใช้งานมากที่สุด แน่นอนว่าการเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องพิจารณาโดยเฉพาะปัจจัยต่าง ๆ ที่มีรอบด้านถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ ใครที่อยากรู้อยากใส่ใจกันแล้วก็ลองไปศึกษารายละเอียดดังต่อไปนี้ได้เลย



5 สิ่งที่ต้องพิจารณาสำหรับเตียงผู้ป่วยแบบไฟฟ้า

1. ดูจากขนาดของเตียง

เริ่มต้นให้ดูจากขนาดของเตียงไฟฟ้าที่เหมาะสมกับผู้ใช้งาน โดยที่ดูจากความกว้างที่เหมาะสม หากกว้างเกินไปก็อาจจะทำให้การลุกนั่งลำบาก ไม่ใช่แค่ผู้ป่วยจริง ๆ ผู้สูงอายุก็ด้วย และการที่เตียงมีขนาดกว้างเกินไปก็จะทำให้การจังพยุงยากลำบากมากกว่าเดิม โดยเฉพาะเวลาลุกนั่งหรือทำอะไรก็ตาม อาจจะทำให้ผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุอึดอัดได้ง่าย ๆ

2. เลือกเตียงจากฟังก์ชันการปรับระดับ

คุณสามารถเลือกใช้จากการปรับระดับของเตียง โดยจะมีให้เลือก 5 ฟังก์ชันด้วยกัน ยิ่งมีฟังก์ชันเยอะก็ยิ่งสามารถปรับระดับได้เยอะตามไปด้วย หรือการเปลี่ยนท่าทางต่าง ๆ ก็ได้เยอะด้วยเช่นกัน ทำให้การลุกนั่ง หรือแม้แต่การทำกายภาพบำบัดก็ง่าย

3. ล้อของเตียงที่ใช้งาน

ในส่วนของล้อเตียงของผู้ป่วยนั้นก็จะต้องทำเพื่อการเคลื่อนย้ายที่สะดวกสบายมากขึ้น ล้อเตียงต้องล็อคและสามารถป้องกันการไหลของเครื่องได้อย่างดี โดยที่ล้อควรมีทั้งล้อเดี่ยว ล้อคู่ โดยที่ล้อเตียงจะรองรับทั้งน้ำหนักของเตียง และผู้ป่วยได้ ใช้วัสดุที่ทนทาน แข็งแรง ทำจากอะลูมิเนียม หรือเหล็ก ตัวล้อแนะนำว่าต้องใช้เป็นยาง TPR ดีสุด เพื่อดูดซับแรงกระแทกในการเคลื่อนย้ายได้ดี

4. เตียงควรมีราวกันตกด้วย

ในเรื่องของราวกันตกราวสไลด์เตียงผู้ป่วยไฟฟ้า นอกจากจะเป็นการป้องกันการพลัดตกก็ยังช่วยพยุงตัวได้ดี ปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันก็มีหลากหลายมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น ราวกันตกธรรมดา หรือแบบเป็นซี่ ราวปีกนก รวมถึงราวไม้ ที่แต่ละราวก็จะมีการผลิต รูปลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป

5. โครงสร้างของเตียง

สุดท้ายก็คือเรื่องของโครงสร้างที่มีหลากหลายเช่นกัน แนะนำว่าเตียงคนไข้แบบมาตรฐานต้องมีความสามารถในการรองรับน้ำหนักได้มากกว่า 150 กก. มีความทนทาน รับน้ำหนักตัวได้เยอะ ไม่เป็นสนิมง่าย หนาไม่น้อยกว่า 2 มิลลิเมตร และต้องสามารถทำความสะอาดได้ง่ายสุด ๆ ไปอีก

เตียงผู้ป่วยแบบไฟฟ้าเป็นอีกไอเท็มสำหรับผู้ป่วยไปจนถึงผู้สูงวัยที่อยากได้รับความสะดวกสบาย ผ่อนคลายอย่างมีประสิทธิภาพที่ต้องไม่พลาดคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ก่อนเลือกซื้อด้วย นอนหลับกันสบาย ๆ มีความสุข ซึ่งก็หวังว่าเราจะช่วยคุณในการตัดสินใจนำไปใช้งานได้เหมาะสมไม่มากก็น้อย
7
ในปัจจุบันการใช้งานรถเข็นผู้ป่วยเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ยิ่งเป็นรูปแบบไฟฟ้าคือยิ่งปังมาก เพราะมีโอกาสที่จะใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น กระนั้นแล้วใครกันที่เลือกใช้งานได้บ้าง? เผื่อว่ามีคนที่สงสัยแล้วอยากได้คำตอบ เราไม่รอช้ารวบรวมความน่าสนใจมาให้ศึกษา พร้อมแล้วก็ไปติดตามพร้อมกันเลยดีกว่า



รถเข็นผู้ป่วยรูปแบบไฟฟ้า เหมาะกับใครบ้าง?

ถือว่าเป็นการเลือกใช้งานที่เหมาะสมอย่างมาก ด้วยรูปแบบการใช้งานง่าย ทำให้การใช้ชีวิตเป็นอิสระมากขึ้น ช่วยลดการเกิดแผลกดทับหรือภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ดี ช่วยเสริมการใช้ชีวิต การเข้าสังคม เติมเต็มความสุขความมั่นใจให้ผู้ใช้งานไม่ต้องคิดมาก และหากจะเอ่ยถามว่าใครที่เหมาะสมกับวีลแชร์รูปแบบไฟฟ้าบ้าง? แน่นอนว่าจริง ๆ ก็เป็นใครก็ได้เลย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย แต่ถ้าจะให้เหมาะสมมาก ๆ ก็คงหนีไม่พ้นกลุ่มคนเหล่านี้ นั่นก็คือ

1. ผู้สูงอายุ

ที่เป็นวัยเหมาะกับความต้องการรูปแบบนี้มาก ด้วยปัจจัยสำคัญเริ่มต้นจากร่างกายที่มีความอ่อนแรงลง อาจจะอาการป่วย ปัญหาสุขภาพ หรือได้รับบาดเจ็บมา รวมถึงช่วงที่ยังพักรักษาตัวอยู่เดินเหินไม่คล่อง ไม่ค่อยสะดวก แน่นอนว่าเหมาะกับการเลือกใช้เพิ่มความสะดวกสบาย ไม่ทำให้เกิดอุบัติอันเป็นสาเหตุที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายกับวัยนี้ หรือบางคนยังดูแลตัวเองไม่มากพอก็จำเป็นต้องใช้งานมากกว่าเดิม

2. ผู้พิการ

แน่นอนว่าอีกกลุ่มคนที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ก็คือผู้ป่วยที่มีความจำเป็นอย่างมากในการเลือกใช้รถรูปแบบนี้ เพื่อช่วยในการเคลื่อนย้ายได้สะดวกสบาย และปลอดภัยมากกว่าเดิม ด้วยผู้พิการแต่ละคนก็จะมีข้อจำกัดทางสรีระที่แตกต่างกันออกไป อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหว ควบคุม รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันที่ยากลำบาก จึงต้องมีตัวช่วยดี ๆ นี้มาทำให้การใช้ชีวิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น

3. ผู้ป่วยทั่วไป

สุดท้ายก็คือกลุ่มคนที่เป็นผู้ป่วยทั่วไป โดยที่มีความจำเป็นในการเลือกใช้งานรถเข็นไฟฟ้าเพื่อให้การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมีอาจจะมีอาการบาดเจ็บ อาการอ่อนแรง หรือกำลังพักฟื้นจากอาการป่วย โดยที่พบเห็นได้บ่อยในสถานพยาบาลก็ดี หรือแม้แต่ในบ้านเลยก็ด้วยเช่นกัน กระนั้นตัวรถที่ใช้ก็อาจจะแตกต่างกันออกไป หนึ่งในนั้นคือผู้ป่วยที่อาจไม่สะดวกต่อการเข็นมือด้วยกับล้อไปตามปกติได้ การเลือกใช้รูปแบบนี้จึงสร้างความสะดวกสบายได้มากกว่า

การเลือกใช้งานรถเข็นผู้ป่วยรูปแบบไฟฟ้านั้นมีระบบไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำให้การเคลื่อนย้ายสะดวกสบายมากขึ้น ผู้พิการ ผู้สูงวัย หรือแม้แต่ผู้ป่วยทั่วไปเองมีความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองมากกว่าเดิม จึงสร้างความสะดวกสบาย ความปลอดภัยต่อการเดินทาง ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากกว่าแบบธรรมดาทั่วไป รวมถึงผู้ดูแลเองก็ไม่ต้องคอยเข็นที่อาจจะไม่ตามใจผู้ใช้งานก็เป็นได้
8
ในยุคปัจจุบัน การเสริมความงามกลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย หลายคนต่างใฝ่ฝันที่จะมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม มั่นใจ โดยเฉพาะดวงตาที่เปรียบเสมือนหน้าต่างของหัวใจ การศัลยกรรมรอบดวงตาจึงกลายเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาและเติมเต็มเสน่ห์ให้ดวงตาของคุณ



Fern Clinic คลินิกเสริมความงามชื่อดังบน Tiktok กับ คุณหมอเฟิร์น แพทย์ผู้มากประสบการณ์และเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมรอบดวงตาโดยเฉพาะ พร้อมมอบบริการด้วยเทคนิคพิเศษ Less Scar Technique ซ่อนแผลใต้คิ้ว ทำให้แผลสวย เรียบเนียน แทบมองไม่เห็น มั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

Fern Clinic ให้บริการศัลยกรรมความงามหลากหลายประเภท ครอบคลุมทุกปัญหาผิวรอบดวงตา ไม่ว่าจะเป็น

- แก้ไขหนังตาตก Subbrow lift
- กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
- ตัดถุงใต้ตา
- ตัดปีกจมูก
- ตาสองชั้น
- ยกคิ้ว
- เสริมจมูก

ด้วยประสบการณ์อันยาวนานและความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง คุณหมอเฟิร์นจะออกแบบการรักษาให้เหมาะสมกับความต้องการและปัญหาของแต่ละบุคคล มุ่งเน้นการรักษาด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย ปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน

Fern Clinic ให้ความสำคัญกับ Service Mind ของทีมงาน มุ่งมั่นมอบบริการที่อบอุ่น ใส่ใจ และดูแลคนไข้ทุกท่านอย่างดีที่สุด เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การเสริมความงามที่เหนือความคาดหมาย

Fern Clinic ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 10 หมอทำตาที่สุดแห่งปี 2023 จากเว็บไซต์สื่อออนไลน์ชั้นนำมากมาย เช่น Beauty Wongnai, Wongnai และ Sudsapda การันตีถึงความน่าเชื่อถือและผลงานที่ยอดเยี่ยม

อย่ารอช้า! มาสัมผัสประสบการณ์การเสริมความงามที่ Fern Clinic และเผยความมั่นใจในเสน่ห์ดวงตาของคุณ

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

- โทร: 097-939-8742 หรือ 080-635-6464
- Website: https://fernclinics.com/

Fern Clinic มุ่งมั่นที่จะช่วยให้คุณสวย มั่นใจ และมีความสุขกับดวงตาที่เปล่งประกาย
หน้า: [1] 2 3 ... 10
Tage : ประกาศขายของฟรี ติด google , ลงประกาศฟรีไม่ต้องสมัคร , ประกาศฟรีไม่มี หมดอายุ , เว็บประกาศฟรีติดอันดับ , ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ , ฝากร้านฟรีโพสฟรี , รวมเว็บลงประกาศฟรี , ลงประกาศฟรี 100 , รวมเว็บลงประกาศฟรี ติด google , ลงประกาศฟรี ติดอันดับ google , ลงประกาศฟรีออนไลน์ , เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ , ลงประกาศฟรี pantip , ลงประกาศฟรี , โพสฟรี โปรโมทฟรี โฆษณาสินค้าฟรี ลงประกาศฟรี โพสฟรี โพสประกาศฟรี ลงประกาศขายฟรี ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี โฆษณาสินค้าฟรี ลงประกาศสินค้าฟรี ลงโฆษณาฟรี , เว็บลงประกาศขายฟรี ลงประกาศฟรี Post ฟรี ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด เว็บลงประกาศขายฟรี โพสประกาศฟรี ติด google ลงประกาศสินค้าฟรี ลงโฆษณาฟรี โปรโมทเว็บฟรี ติดหน้าแรก google ฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายรถฟรี โพสฟรี โฆษณาสินค้าฟรี ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซต์ฟรี ลงโฆษณาฟรี google ลงประกาศสินค้าฟรี ลงโฆษณาฟรี เว็บลงประกาศขายฟรี ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซต์ฟรี ติด google