ไข้เลือดออกถือเป็นโรคที่อันตรายมาก และคร่าชีวิตคนจำนวนมากในแต่ละปี โดยโรคไข้เลือดออกนั้นเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากยุงลายที่มีเชื้อเดงกี เป็นโรคที่พบได้บ่อยในประเทศไทยและประเทศเขตร้อนอื่นๆ ไข้เลือดออกสามารถแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะไข้ ระยะช็อก ระยะฟื้นตัว และระยะระยะแทรกซ้อน ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อายุ สุขภาพโดยรวม และจำนวนครั้งที่เคยติดเชื้อมาก่อน โดยผู้ที่เคนติดไข้เลือดออกมาแล้วจะยิ่งมีอาการหนักหากโรคติดไข้เลือดออกอีกเป็นครั้งที่ 2 และ 3 ในบางรายอาจมีอาการหนักจนถงแก่ชีวิตได้
เพื่อป้องกันโรคไข้เลอดออก และการสูญเสียจากโรคไข้เลือดออก การฉีดวัคซีนกันไข้เลือดออกจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก โดย
วัคซีนไข้เลือดออกนั้นเป็นวิธีป้องกันโรคไข้เลือดออกที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากวัคซีนสามารถป้องกันไข้เลือดออกเป็นทุกสายพันธุ์ได้ถึง 80.2% และป้องกันการนอนโรงพยาบาลได้ 90.4% โดยที่วัคซีนสามารถฉีดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่มีอายุระหว่าง 4-60 ปี ฉีดง่ายสะดวก เพียงแค่ 2 เข็ม ห่างกัน 3 เดือน โดยสามารถฉีดได้ทั้งคนที่เคยและไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน โดยไม่ต้องตรวจภูมิคุ้มกันก่อนฉีด
สรุปความสำคัญของการฉีดวัคซีนไข้เลือดออกมี ดังนี้1.ป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ วัคซีนไข้เลือดออกสามารถป้องกันไข้เลือดออกเป็นทุกสายพันธุ์ได้ถึง 80.2% ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการป่วยเป็นไข้เลือดออกได้
2.ป้องกันการนอนโรงพยาบาลได้ วัคซีนไข้เลือดออกสามารถป้องกันการนอนโรงพยาบาลได้ 90.4% ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากไข้เลือดออกได้
3.ลดความรุนแรงของโรค วัคซีนไข้เลือดออกสามารถลดความรุนแรงของโรคได้ โดยช่วยลดโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะช็อกจากไข้เลือดออก
ผู้ที่ควรฉีดวัคซีนไข้เลือดออก ได้แก่- ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อโรคไข้เลือดออก เช่น พื้นที่ที่มียุงลายชุกชุม
- ผู้ที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ในสถานที่ที่มียุงลายชุกชุม เช่น โรงงาน โรงเรียน โรงพยาบาล
- ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้เลือดออกสูง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง
ผู้ที่ไม่ควรฉีดวัคซีนไข้เลือดออก ได้แก่- ผู้ที่แพ้วัคซีน หรือส่วนประกอบของวัคซีน
- ผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรง เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก บวมบริเวณใบหน้า ปาก หรือลิ้น
- ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
การดูแลตัวเองหลังฉีดวัคซีนไข้เลือดออกนั้นไม่ซับซ้อน สามารถทำได้ดังนี้- พักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายจะได้มีเวลาในการฟื้นตัว
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง หากมีอาการข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย
- สังเกตอาการผิดปกติ หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไข้สูง ปวดท้องรุนแรง อาเจียนไม่หยุด หายใจลำบาก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
และทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับวัคซีนไข้เลือดออก ก่อนฉีดวัคซันไข้เลือดออกจริง