การ
ผ่าตัดมดลูกเป็นการผ่าตัดที่อาจทำให้ผู้หญิงหลายคนรู้สึกกังวลใจ เพราะอาจทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก ซึ่งอาจกระทบต่อความต้องการมีลูกในอนาคต อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดในส่วนของมดลูกก็ถือเป็นการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับมดลูกได้
ปัญหาที่ทำให้ต้องผ่าตัดมดลูก- เนื้องอกมดลูก เนื้องอกมดลูกเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการผ่าตัดมดลูก โดยเนื้องอกมดลูกอาจแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ เนื้องอกธรรมดา และ เนื้องอกมะเร็ง
- เนื้องอกธรรมดา เช่น เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก (Leiomyoma) เนื้องอกเยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrial polyp) เป็นต้น เนื้องอกธรรมดามักไม่อันตราย แต่อาจทำให้เกิดอาการ เช่น ปวดท้อง การมีประจำเดือนผิดปกติ ภาวะมีบุตรยาก เป็นต้น
- เนื้องอกมะเร็ง เช่น มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งกล้ามเนื้อมดลูก เป็นต้น เนื้องอกมะเร็งเป็นเนื้องอกร้ายแรงที่อาจแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายได้
- โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เป็นโรคที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญอยู่นอกมดลูก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง การมีประจำเดือนผิดปกติ ภาวะมีบุตรยาก หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
- มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิง โดยอาจเกิดจากการติดเชื้อเอชพีวี (HPV)
- มะเร็งรังไข่ มะเร็งรังไข่เป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิงเช่นกัน โดยอาจเกิดจากการกลายพันธุ์ของเซลล์ในรังไข่
- ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์บางชนิด เช่น ภาวะรกเกาะต่ำ ภาวะรกเกาะหน้า อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดมดลูก
- ภาวะเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด ภาวะเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงบางชนิด เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ เป็นต้น
การผ่าตัดมดลูกไม่น่ากลัวอย่างที่คิดที่จริงแล้วการผ่าตัดสำหรับมดลูกนั้น ถือเป็นการรักษาที่สามารถทำได้โดยปลอดภัยในปัจจุบัน โดยแพทย์จะเลือกใช้วิธีการผ่าตัดที่เหมาะสมกับสาเหตุและความรุนแรงของโรค โดยวิธีการผ่าตัดจะมีทั้งหมด ดังนี้
- การผ่าตัดทางหน้าท้อง (Abdominal hysterectomy) เป็นการผ่าตัดเอามดลูกออกทางหน้าท้อง โดยแพทย์จะทำแผลบริเวณหน้าท้อง ซึ่งอาจยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร
- การผ่าตัดทางช่องคลอด (Vaginal hysterectomy) เป็นการผ่าตัดเอามดลูกออกทางช่องคลอด โดยแพทย์จะทำแผลบริเวณช่องคลอด ซึ่งอาจยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร
- การผ่าตัดทางหน้าท้องร่วมกับทางช่องคลอด (Combined abdominal and vaginal hysterectomy) เป็นการผ่าตัดเอามดลูกออกโดยเริ่มจากทางหน้าท้อง จากนั้นจึงเปลี่ยนมาผ่าตัดทางช่องคลอด
โดยการผ่าตัดมดลูกมักใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ผู้ป่วยจะใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 3-5 วัน โดยแพทย์จะให้ยาแก้ปวดและยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ส่วนการดูแลตัวเองหลังเข้ารับผ่าตัดเอามดลูกออก ควรจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้อย่างเคร่งครัด อันได้แก่
- พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-10 วัน
- รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์
- สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้อง มีไข้ เลือดออกผิดปกติ เป็นต้น
แน่นอนว่าการผ่าตัดเอามดลูกออก จะทำให้ผู้หญิงไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก แต่ถึงอย่างนั้นผู้หญิงก็ยังสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ โดยอาจต้องใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น ถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อใด ๆ นั่นเอง โดยสรุปแล้ว การผ่าตัดมดลูกเป็นการผ่าตัดที่จะต้องพิจารณาจากปัญหาสุขภาพ เพื่อใช้ในการทำการรักษา ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ด้วย