อาหารสุขภาพ ช่วยให้ตับทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ปิยะวัฒน์ โกมลมิศร์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางแพทย์ด้านโรคตับ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย อธิบายความสำคัญของตับไว้ว่า

” หากจะเปรียบให้เข้าใจง่าย ๆ ตับก็เหมือนแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกายโดยมีน้ำหนักประมาณ 1.2 กิโลกรัม เป็นแผ่นต่อกัน แต่แบ่งได้เป็นกลีบซ้าย  กลีบขวาอยู่บริเวณช่องท้องส่วนบน ใต้ชายโครงด้านขวา”

 

นอกจากนี้ลักษณะทางกายวิภาคที่เด่นชัดแล้ว ตับยังมีหน้าที่สำคัญอีกหลายอย่าง คือ

1.    สร้างสารอาหารและสารจำเป็น

เมื่อตับรับเลือดจากทางเดินอาหารโดยผ่านเลือดดำใหญ่มาแล้ว เลือดจะไหลเข้าสู่หลอดเลือดเล็ก ๆ และสัมผัสกับเซลล์ตับเกิดการปรับเปลี่ยนสารอาหารทั้ง คาร์โบไฮเดรตโปรตีน ไขมัน และวิตามิน ให้อยู่ในรูปที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ จากนั้นสารอาหารที่ปรับเปลี่ยนแล้วจะไหลออกจากตับผ่านหลอดเลือดเฮปาติก  (Hepatic Vein) เข้าสู่หัวใจและสูบฉีดไปเลี้ยงร่างกายต่อไป

2.    สะสมอาหาร ดร.คริสติน เคิร์กแพทริค และ นายแพทย์อิบราฮิม ฮารูเนห์ อธิบายไว้ว่า เมื่อตับผลิตกลูโคสจากคาร์โบไฮเดรต ได้มากเกินกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการใช้  ตับจะเปลี่ยนกลูโคสดังกล่าวเป็นไกลโคเจน และสะสมไว้ เพื่อเป็นพลังงานสำรอง หากเมื่อใดระดับกลูโคสในร่างกายต่ำลง ตับจะเปลี่ยนไกลโคเจนที่เก็บไว้กลับเป็นกลูโคสและส่งไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทันที

3.    ผลิตน้ำดี คุณหมอปิยะวัฒน์ กล่าวว่า ตับยังมีหน้าที่สำคัญในการผลิตน้ำดีอีกด้วย คือมีหน้าที่ช่วยย่อยสลายอาหารประเภทไขมันเป็นหลัก

4.    กำจัดของเสียและสารพิษ คุณหมอปิยะวัฒน์ กล่าวว่า ตับกำจัดของเสียออกจากร่างกาย โดยขับของเสียผ่านทางน้ำดี นอกจากนี้แล้ว ตับยังทำหน้าที่ขับสารพิษหรือท็อกซินที่เกิดจากการเผาผลาญแอลกอฮอล์ ยาบางชนิด เชื้อโรค รวมทั้งสารพิษจากพืชอีกด้วย

5.    ทำลายเซลล์หมดอายุ ตับทำหน้าที่ช่วยเปลี่ยนสภาพสารประกอบของเซลล์เม็ดเลือดที่เสื่อมสภาพให้สามารถขับออกจากร่างกายทางอุจจาระได้

 

การที่ตับต้องรับภาระมากเช่นนี้ หากวันหนึ่งเกิดความผิดปกติขึ้นในตับจะส่งผล พัฒนาไปสู่โรคที่ร้ายแรงได้ ดังนั้นเพื่อส่งเสริม การทำงานที่มีประสิทธิภาพของตับ  เราควรได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายดังต่อไปนี้

 

1.  ข้าวโพด   มีวิตามินกลุ่มบี ช่วยกระตุ้นเมแทบอลิซึมของ ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน ช่วยให้ตับทำงานได้ดีขึ้น

สารอาหารในข้าวโพดที่สำคัญมี โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม ซีลีเนียม สารซีแซนทิน

ประโยชน์ต่อร่างกายได้รับคือ กำจัดสารพิษออกจากร่างกาย  บำรุงตับ

 

2. งา งาอุดมไปด้วยวิตามินอี และสารซีแซนทิน มีคุณสมบัติช่วยปกป้องอวัยวะต่าง ๆ ป้องกันไม่ให้เซลล์ปกติกลายเป็นเซลล์มะเร็ง บรรเทาอาการของโรคตับ

มีสารอาหารที่สำคัญคือ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี วิตามินอี โพแทสเซียมแคลเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี

มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ช่วยให้ตับทำงานได้ดีขึ้น กำจัดสารพิษออกจากร่างกาย บำรุงตับ

 

3. กะหล่ำดอก กะหล่ำดอก อุดมไปด้วยวิตามินเอ และซี ช่วยขจัดสารพิษจากตับ เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคตับ

มีสารอาหารที่สำคัญคือ คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหารวิตามินซี วิตามินเค โพแทสเซียมแคลเซียม

ประโยชน์ต่อร่างกายคือ สร้างภูมิคุ้มกันให้เซลล์ตับ

 

4. หน่อไม้น้ำ  ในหน่อไม้น้ำมีโฟเลตช่วยสร้างเซลล์ตับแทนเซลล์เดิมที่ได้รับความเสียหาย เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคตับ

มีสารอาหารที่สำคัญคือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร โฟเลต กรดนิโคทินิก(วิตามินบี 3) โพแทสเซียม

มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ บรรเทาอาการของโรคตับแข็ง ที่เกิดจากแอลกอฮอล์

 

5.   ลิ้นจี วิตามินซีในไอจี ช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ตับเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็ง เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งตับ

สารอาหารที่มีในลิ้นจี่ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี วิตามินซี กรดซิตริกโพแทสเซียม แคลเซียม

มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ช่วยให้ตับทำงานได้ดีขึ้น

 

6.  เต้าหู้ เต้าหู้อุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงตับ และช่วยสร้างเซลล์ตับเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งตับ

มีสารอาหารที่สำคัญคือ โปรตีน วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก ไอโซฟลาโวน

มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ บรรเทาอาการตับอักเสบ  และตับแข็ง

 

7. ไข่ไก่ สารเลซิทินในไข่ไก่ช่วยไม่ให้อาการของโรคตับแข็งแย่ลงกว่าเดิม

มีสารอาหารที่มีประโยชน์คือ โปรตีน คอเลสเตอรอล วิตามินเอ วิตามินกลุ่มบี วิตามินดี วิตามินอี วิตามินเค แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส สังกะสี

มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ช่วยในการรักษาโรคตับอักเสบเฉียบพลัน บรรเทาอาการของโรคตับอักเสบเรื้อรัง และตับแข็ง บำรุงเซลล์ตับ

 

8.   ชีส วิตามินเค ในชีสช่วยซ่อมแซม และฟื้นฟูเซลล์ตับ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้เซลล์ตับ

มีสารอาหารที่สำคัญคือ โปรตีน ไขมัน วิตามินเอ วิตามินกลุ่มบี วิตามินดี วิตามินเค โซเดียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี

มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ช่วยให้ตับทำงานได้ดีขึ้น

 

9.    หมูเนื้อแดง ซีลีเนียมในเนื้อหมูช่วยเสริมสร้าง แอนติออกซิแดนต์ ช่วยป้องกันเยื่อหุ้มเซลล์ตับ ทำให้อาการของโรคตับดีขึ้น

มีสารอาหารที่สำคัญได้แก่  โปรตีน ไขมัน วิตามินกลุ่มบี โคเอนไซม์ คิวเทน โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี

มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ช่วยให้ตับทำงานได้ดีขึ้น

 

10.  หอยกาบ ผู้ป่วยโรคตับแข็งจากการที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรกินหอยกาบเพื่อช่วยขจัดสารพิษในตับ

มีสารอาหารที่สำคัญคือ โปรตีน วิตามินเอ วิตามินกลุ่มบี โซเดียม โพแทสเซียม  แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี กรดทอรีน

มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ช่วยให้ตับทำงานได้ดีขึ้น

 

ดังนั้นจะเห็นว่า ถ้าทุกท่านดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และรับประทานอาหารที่เหมาะสม เพื่อให้ได้สารอาหารที่ช่วยในการทำงานของตับอย่างครบถ้วน ก็จะส่งเสริมการทำงานของตับให้ดียิ่งขึ้นได้


อาหารสุขภาพ ช่วยให้ตับทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

 

ลงประกาศฟรี โฆษณาฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทสินค้าฟรี เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google